เครื่องกำเนิดไฟฟ้าถือว่าสำคัญกับงานก่อสร้าง (https://www.seapowergent.com/product-category/atlas-copco-generator/)อย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าหลักในพื้นที่ที่ระบบไฟฟ้าหลักเข้าไม่ถึง หรือไม่เสถียรพอ อีกทั้งยังจำเป็นสำหรับการใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในงานก่อสร้างอีกด้วย ดังนั้นการเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุนไป ต่อไปนี้คือปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับงานก่อสร้าง
(https://i.imgur.com/Fw0DI8g.jpeg)
ขนาดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่ต้องพิจารณาคือขนาดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้างานก่อสร้างที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานในหน่วยวัตต์ (Watt) หรือกิโลวัตต์ (kW) โดยคำนวณจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จะใช้งานพร้อมกัน แล้วเผื่อกำลังไฟเพิ่มอีก 20-30% เพื่อให้มีกำลังไฟเพียงพอและสามารถรองรับการทำงานหนักในช่วงสตาร์ทได้ การเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป อาจส่งผลให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ หรือไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
ชนิดของเครื่องยนต์เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีให้เลือก 2 ชนิดหลัก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน โดยเครื่องยนต์เบนซินมีข้อดีคือมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ให้กำลังไฟสูง ราคาถูกกว่า แต่อายุการใช้งานสั้นกว่า และสิ้นเปลืองน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลนั้นทนทาน อายุการใช้งานนาน ประหยัดน้ำมัน แต่มีราคาสูงกว่า ดังนั้นการเลือกชนิดของเครื่องยนต์ควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งาน งบประมาณ และความคุ้มค่าในระยะยาว
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีระบบสตาร์ทให้เลือก 2 แบบ คือ ระบบสตาร์ทด้วยมือ (Recoil Start) และระบบสตาร์ทไฟฟ้า (Electric Start) ระบบสตาร์ทด้วยมือเหมาะสำหรับเครื่องขนาดเล็ก มีราคาถูกกว่า แต่อาจลำบากในการสตาร์ทเครื่องเมื่ออากาศเย็น ส่วนระบบสตาร์ทไฟฟ้านั้นสะดวก ใช้งานง่าย แต่มีราคาแพงกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับเครื่องขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งานบ่อย
ระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (AVR) AVR เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมแรงดันไฟฟ้าขาออกให้คงที่ ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อ่อนไหวต่อแรงดันไฟฟ้าที่ไม่คงที่ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เป็นต้น ถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่อ่อนไหวต่อแรงดันไฟฟ้า ควรเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้างานก่อสร้างที่มีระบบ AVR ติดตั้งมาด้วย
ค่า Power Factor Power Factor คือ อัตราส่วนของกำลังไฟฟ้าจริงที่ใช้งานกับกำลังไฟฟ้ารวม ค่า Power Factor ยิ่งสูงแสดงถึงประสิทธิภาพที่ดี แปลว่าสามารถนำไฟฟ้าไปใช้งานได้มากขึ้น โดยทั่วไปเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับงานก่อสร้างควรมีค่า Power Factor อยู่ระหว่าง 0.8-1.0 ยิ่งเข้าใกล้ 1.0 ยิ่งดี
ระบบป้องกัน เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ควรเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีระบบป้องกันต่างๆ เช่น ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำมันเครื่องต่ำ ระบบป้องกันการใช้งานเกินกำลัง (Overload Protection) ระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร เป็นต้น ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหาย และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
มาตรฐานการผลิต ควรเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น มาตรฐาน ISO หรือ มาตรฐาน มอก. ซึ่งจะได้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย เชื่อถือได้ อีกทั้งมีการรับประกันจากผู้ผลิต และมีอะไหล่บริการหลังการขาย
การเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับงานก่อสร้างนั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งความต้องการใช้งาน คุณสมบัติทางเทคนิค ความปลอดภัย รวมถึงงบประมาณ การเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีขนาดและประเภทเหมาะสม มีระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้า ระบบป้องกัน รวมถึงการผลิตตามมาตรฐาน จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าคุ้มราคา สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสำเร็จของงานก่อสร้างในภาพรวมอีกด้วย