ความเป็นมา
กองทัพเรือได้พยายามดำเนินการจัดหาเรือรบไว้ป้องกันประเทศมาเป็นเวลานานประมาณ 30 ปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 7 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากติดขัดด้วยงบประมาณมีไม่เพียงพอ จึงทำให้กองทัพเรือมีเรือรบไม่เพียงพอต่อการป้องกันประเทศทางทะเล “โครงการบำรุงกำลังทางเรือ” เพิ่งจะมาสำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 8 ปี พ.ศ. 2478 โดยมี นายนาวาเอก หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) เสนาธิการทหารเรือ และรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลได้เสนอโครงการจัดหาเรือรบไว้ป้องกันประเทศใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผ่านผู้บัญชาการทหารเรือ (นายนาวาเอก พระยาวิจารณ์จักรกิจ บุญชัย สวาทะสุข) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายพันเอก หลวงพิบูลสงคราม) จนถึงคณะรัฐบาล โดยทำเป็น “พระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478” นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีเห็นชอบ จึงได้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในการประชุมสภาครั้งที่ 62/2477 และได้รับอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้น ประกาศใช้เป็นกฎหมายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2478 กองทัพเรือจึงได้แต่งตั้งกรรมการพิจารณาโครงการบำรุงกำลังทางเรือขึ้น มีนายนาวาเอก พระยาวิจารณ์จักรกิจ รักษาราชการ ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธาน และผู้ที่เป็นกำลังสำคัญของคณะกรรมการฯ คือ นายนาวาเอก หลวงสินธุสงครามชัย เสนาธิการทหารเรือในขณะนั้นเป็นหัวเรือหลัก เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กองทัพเรือไทยเคยมีมา เป็นการขยายกำลังรบทางเรือมากกว่าเดิมชนิดหลายเท่าตัว โครงการนี้เดินหน้าได้ด้วยเงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ. 2478 ซึ่งเป็นงบประมาณพิเศษที่รัฐบาลทยอยแบ่งจ่าย ให้เป็นเวลา 6 ปีเต็มปีล่ะ 3 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 18 ล้านบาท (รวมงบประมาณประจำปีจำนวน 1 ล้านบาทต่อปีด้วย) จึงสามารถจัดหาเรือรบหลากหลายรูปแบบเข้าประจำการตามความต้องการของกองทัพเรือ ประกอบไปด้วย
- เรือปืนหนัก 2 ลำ
- เรือฝึกหัดนักเรียน 2 ลำ
- เรือตอร์ปิโดใหญ่ 7 ลำ (ร.ล.ตราด และ ร.ล.ภูเก็ต สร้างด้วยงบประมาณพิเศษก่อนพระราชบัญญัติฯ นี้ )
- เรือทุ่นระเบิด 2 ลำ
- เรือตอร์ปิโดเล็ก 3 ลำ
- เรือดำน้ำ 4 ลำ
- เรือลำเลียง 2 ลำ
- เครื่องบินทะเล 6 เครื่อง และ อาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ เช่น ปืนใหญ่ ทุ่นระเบิด ฯลฯ
พระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ. 2478 ฉบับนี้นับว่าเป็น “ฉบับแรก ในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือ และของประเทศไทย” และเป็นฉบับเดียวมาจนตราบเท่าปัจจุบันนี้ สำหรับเรือหลวงตากใบเป็นเรือตอร์ปิโดเล็ก เดิมชื่อเรือตอร์ปิโด 6 ในชุดมี 3 ลำ ได้แก่ เรือหลวงคลองใหญ่ เรือหลวงตากใบ และเรือหลวงกันตัง
คุณลักษณะของเรือ
- ทั่วไป
- ประเภท เรือตอร์ปิโดเล็ก
- หมายเลข 6
- วางกระดูกงู 3 ต.ค. 2479
- ปล่อยเรือลงน้ำ 26 มี.ค. 2480
- ขึ้นระวางประจำการ 26 ก.ย. 2480
- ปลดประจำการ 26 ม.ค. 2513
- ผู้สร้าง อู่ อิชิกาวาจิมา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
- คุณลักษณะทั่วไป
- ความยาวตลอดลำ 41.80 เมตร
- ความกว้าง 4.60 เมตร
- กินน้ำลึก 1.45 เมตร
- ระวางขับน้ำ ปกติ 135 ตัน สูงสุด 142 ตัน
- ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
- ความเร็วสูงสุด 18 นอต
- ระยะปฏิบัติการไกลสุด 830 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 450 ไมล์ ที่ 18 นอต
- กำลังพลประจำเรือ 50 นาย
- ระบบอาวุธ
- ปืนกล 20 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก
- ปืนกล 40/60 มม. จำนวน 1 กระบอก
- ตอร์ปิโด 45 ซม. แท่นคู่ 1 แท่น(2 ท่อยิง) จำนวน 4 ท่อ
- แท่นยิงระเบิดลึก 2 แท่น
- ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
- เครื่องจักรกังหันไอน้ำ(บราวน์เคอติส) จำนวน 2 เครื่อง 1,125 แรงม้า
- ใบจักรคู่
- เรือในชุดเดียวกัน
- เรือหลวงคลองใหญ่(ลำที่ 1)
- เรือหลวงตากใบ(ลำที่ 1)
- เรือหลวงกันตัง(ลำที่ 1)
แหล่งอ้างอิง
- https://www.navy.mi.th
- http://thaimilitary.blogspot.com