มีประวัติรักษาโรคจิตเวช ทำประกันชีวิตได้ไหม ?

เริ่มโดย nenechan, พ.ย. 27, 2024, 11:59 AM

« หน้าที่แล้ว - ต่อไป »

nenechan


สำหรับหลายคนที่กำลังวางแผนทำประกันชีวิตความคุ้มครองไม่เพียงเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองตนเอง แต่ยังเป็นหลักประกันให้ครอบครัวและคนที่เรารัก แต่หากมีประวัติการรักษาโรคจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า, โรคไบโพลาร์, โรควิตกกังวล หรือโรคจิตเภท หลายคนอาจสงสัยว่าตนเองจะสามารถทำประกันชีวิตได้หรือไม่ และบริษัทประกันจะพิจารณาอย่างไร เรามาทำความเข้าใจให้ชัดเจนกันดีกว่า


1. โรคจิตเวชมีผลต่อการทำประกันชีวิตอย่างไร ?
บริษัทประกันชีวิตทุกแห่งจะพิจารณาประวัติสุขภาพของผู้สมัครอย่างละเอียด โดยเฉพาะเมื่อมีการรักษาโรคจิตเวช การพิจารณาความเสี่ยงในกรณีนี้จะสูงขึ้น เนื่องจากโรคจิตเวชบางประเภทอาจมีผลต่อการใช้ชีวิตและการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น
-โรคซึมเศร้า (Depression): หากมีการวินิจฉัยและรักษาโรคซึมเศร้ามาก่อน บริษัทประกันอาจมองว่าเป็นความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีประวัติการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือเคยมีความพยายามในการทำร้ายตัวเอง
-โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder): การมีอารมณ์แปรปรวนที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อาจทำให้บริษัทประกันเห็นว่ามีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตและการตัดสินใจที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
-โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder): แม้ว่าโรควิตกกังวลจะเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น การตื่นกลัวหรือแพนิก (Panic Attack) บริษัทประกันก็อาจพิจารณาเพิ่มเติม
-โรคจิตเภท (Schizophrenia): เป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีผลต่อการรับรู้และพฤติกรรมของผู้ป่วย จึงมักเป็นกรณีที่บริษัทประกันพิจารณาอย่างเข้มงวด

2. วิธีการพิจารณาจากบริษัทประกัน
เมื่อผู้สมัครแจ้งว่ามีประวัติการรักษาโรคจิตเวช บริษัทประกันจะพิจารณาตามข้อมูลทางการแพทย์ โดยปกติแล้วบริษัทประกันจะขอเอกสารเพิ่มเติม เช่น ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) และประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล เพื่อประเมินความเสี่ยง ดังนี้:
-ระยะเวลาการรักษา: หากเป็นโรคที่ได้รับการรักษามาแล้วหลายปีและมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง อาการดีขึ้นหรือหายขาดไปแล้ว อาจทำให้บริษัทพิจารณารับประกันได้ แต่หากเป็นโรคที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยหรืออาการยังไม่คงที่ อาจมีการปฏิเสธการรับประกันหรือกำหนดเงื่อนไขพิเศษ
-ความรุนแรงของอาการ: บริษัทประกันจะดูว่าผู้สมัครมีอาการรุนแรงหรือไม่ เช่น มีประวัติการพยายามทำร้ายตัวเองหรือไม่ มีการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่บริษัทใช้ในการประเมินความเสี่ยง
-การรักษาและยาที่ใช้: หากผู้สมัครมีการใช้ยาที่คงที่และได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการจัดการและการควบคุมอาการของโรค

3. ตัวเลือกของผู้ที่มีประวัติรักษาโรคจิตเวช
หากคุณมีประวัติรักษาโรคจิตเวชแล้วถูกปฏิเสธจากบริษัทประกัน ยังมีทางเลือกอื่น ๆ ที่สามารถพิจารณาได้:
-ประกันกลุ่มจากบริษัทที่ทำงาน: ประกันกลุ่มจากบริษัทหรือองค์กรที่คุณทำงานอยู่มักจะไม่พิจารณาประวัติการรักษาโรคจิตเวชแบบละเอียด ทำให้สามารถสมัครได้ง่ายกว่า
-ประกันชีวิตที่ไม่ต้องตรวจสุขภาพ: บางบริษัทมีประกันชีวิตแบบไม่ต้องตรวจสุขภาพ ซึ่งอาจเหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการรักษาโรคจิตเวช แต่เบี้ยประกันอาจสูงกว่าปกติ
-ปรึกษาตัวแทนประกันชีวิตที่เชี่ยวชาญ: การพูดคุยกับตัวแทนประกันที่มีความรู้ความเข้าใจในกรณีโรคจิตเวชจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและสามารถหาประกันที่ตอบโจทย์ได้

การมีประวัติรักษาโรคจิตเวชไม่ได้ปิดกั้นโอกาสในการทำประกันชีวิตเสมอไป หากคุณสามารถควบคุมอาการได้ดี และมีประวัติการรักษาที่ต่อเนื่อง โอกาสในการทำประกันชีวิตยังมีอยู่ สิ่งสำคัญคือการเปิดเผยข้อมูลตามความเป็นจริง และเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับสถานะสุขภาพของตนเอง