Category: Uncategorized

เรือ ต.110

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 110
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 22 มิ.ย. 2513
    • ส่งมอบให้ไทย 6 ต.ค. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการ 14 พ.ค. 2514
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2557
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.19

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 19
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 5 เม.ย. 2513
    • ส่งมอบให้ไทย 25 ธ.ค. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการ 14 พ.ค. 2514
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2558
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Koden
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.17

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 17
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 10 พ.ค. 2512
    • ส่งมอบให้ไทย 12 ก.พ. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการ 12 ก.พ. 2513
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2558
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.16

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)

หลังการปลดประจำการ เรือหลวงปราบปรปักษ์ เรือ ต.15 และ เรือ ต.16 ได้ถูกนำไป ใช้ในโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลของจังหวัดกระบี่ โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2564 เรือรบ จำนวน 3 ลำ ถูกนำไปวางบริเวณเกาะหมา จังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้คุณค่าความสำคัญของระบบนิเวศวิทยาทางทะเล ที่มีปะการังทำให้เกิดห่วงโซ่อาหาร หรือ Food chain ทั้งยังเป็นการสร้างบ้านปลาให้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของฝูงปลาและสัตว์น้ำวัยอ่อนหลากหลายชนิดพันธุ์ พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างแหล่งดำน้ำ เพิ่มเสน่ห์ให้การท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดกระบี่ต่อไป


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 16
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 24 เม.ย. 2512
    • ส่งมอบให้ไทย 12 ก.พ. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการ 12 ก.พ. 2513
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2559
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.15

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)

หลังการปลดประจำการ เรือหลวงปราบปรปักษ์ เรือ ต.15 และ เรือ ต.16 ได้ถูกนำไป ใช้ในโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลของจังหวัดกระบี่ โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2564 เรือรบ จำนวน 3 ลำ ถูกนำไปวางบริเวณเกาะหมา จังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้คุณค่าความสำคัญของระบบนิเวศวิทยาทางทะเล ที่มีปะการังทำให้เกิดห่วงโซ่อาหาร หรือ Food chain ทั้งยังเป็นการสร้างบ้านปลาให้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของฝูงปลาและสัตว์น้ำวัยอ่อนหลากหลายชนิดพันธุ์ พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างแหล่งดำน้ำ เพิ่มเสน่ห์ให้การท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดกระบี่ต่อไป


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 15
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 29 เม.ย. 2512
    • ส่งมอบให้ไทย 17 มิ.ย. 2512
    • ขึ้นระวางประจำการ 16 ต.ค. 2512
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2559
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Anritsu
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.14

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)

คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 14
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 12 ส.ค. 2511
    • ส่งมอบให้ไทย 4 เม.ย. 2512
    • ขึ้นระวางประจำการ 16 ต.ค. 2512
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2557
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.13

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110) ภายหลังปลดประจำการ ถูกนำไปเป็นประการังเทียม ไว้บริเวณทะเลเขาหลัก จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2557


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 13
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 13 เม.ย. 2510
    • ส่งมอบให้ไทย 28 ส.ค. 2510
    • ขึ้นระวางประจำการ 8 มี.ค. 2511
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2554
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org
  • https://km.dmcr.go.th

เรือ ต.12

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110)


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 12
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 24 ส.ค. 2508
    • ส่งมอบให้ไทย 28 ธ.ค. 2508
    • ขึ้นระวางประจำการ 4 ต.ค. 2509
    • ปลดประจำการ 11 ธ.ค. 2551
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon Mk 10 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org

เรือ ต.11

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการดัดแปลงเรือไม้และเรือเหล็กที่ใช้สำหรับปราบเรือดำน้ำ (submarine chaser) เป็นเรือยนต์ปืน (motor gunboat) เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือตรวจการณ์ โดยมีการเพิ่มเติมอาวุธปืนลงไป อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงดังกล่าว ทำให้ความเร็วเรือลดลง แต่ก็ยังสามารถนำไปใช้งานในด้านการกวาดทุ่นระเบิดได้ดี ซึ่งต่อมา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้มีการส่งมอบเรือที่ต่อโดยใช้รูปแบบดังกล่าวให้ ทร. ตามข้อตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 ลำ ได้แก่ PGM-71(ต.11) PGM-79(ต.12) PGM-107(ต.13) PGM-113(ต.14) PGM-114(ต.15) PGM-115(ต.16) PGM-116(ต.17) PGM-117(ต.18) PGM-123(ต.19) และ PGM-124(ต.110) ภายหลังปลดประจำการ ได้ถูกนำมาวางใต้ท้องทะเล เพื่อสร้างปะการังเทียม บริเวณเกาะคุ้ม จังหวัดตราด


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 11
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 14 ก.ย. 2507
    • ส่งมอบให้ไทย 5 พ.ค. 2508
    • ขึ้นระวางประจำการ 1 ก.พ. 2509
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2554
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 30.30 เมตร
    • ความกว้าง 6.40 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 18 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 146 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,411 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 30 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Bofors M3 ขนาด 40 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6-71 จำนวน 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • กองเรือยามฝั่ง
  • http://www.thaiarmedforce.com/
  • http://www.navsource.org
  • https://km.dmcr.go.th

เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

กองทัพเรือไทยจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox มือสองจากกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ คือ ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือเดิมคือ FF-1095 USS Truett ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2537 และ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเดิมคือ FF-1077 USS Ouellet ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2539 ซึ่งเรือชุด ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทั้งสองลำนั้นเป็นเรือฟริเกตชั้น Knox รุ่นที่ติดตั้งระบบป้องกันตัวระยะประชิด CIWS แบบ Phalanx ขนาด 20mm ซึ่งเดิมทีนั้น กองทัพเรือมีความต้องการในการจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox จำนวน 4-6 ลำ ในช่วงก่อน ปี 2540 แต่ได้ปรับลดเหลือเพียง 2 ลำ โดยก่อนหน้านั้นกองทัพเรือต้องการจัดหาเรือพิฆาตชั้น Charles F. Adams มือสองจากสหรัฐฯ ซึ่งปลดประจำการในช่วงใกล้เคียงกัน เนื่องจากต้องการเรือที่มีแท่นยิง Mk13 สำหรับยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ RIM-66 Standard SM-1 แต่ทางสหรัฐฯได้เสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ซึ่งตัวเรือมีอายุการใช้งานน้อยกว่าให้กองทัพเรือแทน ทั้งนี้สหรัฐฯ ยังได้ปฏิเสธที่จะเสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ที่เป็นรุ่นติดตั้งแท่นยิง Mk25 สำหรับ RIM-7 Sea Sparrow ด้วย เหตุผลที่กองทัพเรือปลดประจำการ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ก่อน ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็เนื่องจากอายุการใช้งานตัวเรือโดยรวมที่มากกว่า เพราะเดิมนั้น FF-1077 USS Ouellet นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1970–1993 ซึ่งตัวเรือได้ผ่านการปรับปรุงตัวเรือใหม่มาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะส่งมอบให้กองทัพเรือไทยประจำการเป็น ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะที่ FF-1095 USS Truett นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1974–1994 และส่งมอบให้กองทัพเรือไทยแบบ Hot Transfer ในปีเดียวกันที่ปลดคือ พ.ศ.2537 ซึ่ง ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นั้นมีกำหนดจะปลดประจำการถัดไปในปี พ.ศ.2560


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 462
    • วางกระดูกงู 15 ม.ค. 2512
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 17 ม.ค. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการที่สหรัฐฯ 12 ธ.ค. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการที่ไทย 13 พ.ย.2541
    • ปลดประจำการ 1 เม.ย.2558
    • ผู้สร้าง Avondale Shipyard, Bridge City, Louisiana สหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 134 เมตร (438 ฟุต)
    • ความกว้าง 14.25 เมตร (46 ฟุต 9 นิ้ว)
    • กินน้ำลึก 7.54 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 3,232 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 4,212 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 15 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 28 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 5,550 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • ลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ สำหรับ ฮ. Super Lynx 300 1 เครื่อง
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ AN/SPS-10
    • เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศ AN/SPS-40B
    • เรดาร์ควบคุมการยิง AN/SPG-53
    • เรดาร์เดินเรือ Marconi LN-66
    • โซนาร์หัวเรือ AN/SQS-26CX
    • โซนาร์ชักหย่อน AN/SQS-35 (V)
    • โซนาร์ลากท้าย AN/SQR-18A (V) 1
    • ระบบ ESM AN/SLQ-32 (V) 2
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่เรือ Mk.42 ขนาด 127 มม./54 คาลิเบอร์ จำนวน 1 กระบอก
    • ปืนกล .50 จำนวน 4 กระบอก
    • ระบบป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) 1 ระบบ
    • ระบบ ASROC ใช้ยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น สู่ พื้น ฮาร์พูน 4 ท่อยิง
    • ระบบ ASROC ใช้ยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ ได้ 4 ท่อยิง
    • แท่นยิง TORPEDO MK.32 ใช้ยิงTORPEDO MK.44 TORPEDO MK.46
    • แท่นยิงเป้าลวง Mk.137 2 แท่น แท่นละ 6 ท่อยิง
    • เป้าลวงตอร์ปิโด AN/SLQ-25 1 ชุด
    • ระบบยิงเป้าลวง Mk.36 SRBOC
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์แบบ เครื่องจักรไอน้ำ ขนาด 6 หม้อต้ม
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกันเรือ

แหล่งอ้างอิง

  • http://aagth1.blogspot.com
  • http://www.navy.mi.th/frigate1/
  • https://th.wikipedia.org

Copyright © 2025 SeaFarer

Theme by Anders NorenUp ↑