⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

กองทัพเรือได้เสนออนุมัติ กระทรวงกลาโหม ขออนุมัติโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (ตกก.) จำนวน 2 ลำ ซึ่ง กระทรวงกลาโหมได้อนุมัติ โครงการดังกล่าว เป็นโครงการเสริมสร้างกำลังกองทัพประจำปี 2544 เมื่อ 13 ส.ค.2542 โดยกองทัพเรือได้ทำการสั่งต่อจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้ว่าจ้าง บริษัท ไชน่าชิป บิวดิ้ง เทรดดิ้ง จำกัด จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล ผูกพันงบประมาณข้ามปี ระหว่างปี พ.ศ.2544 – 2548 ในวงเงิน 3200 ล้านบาท เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจ ในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมไปถึงการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย การปราบปราม การกระทำผิดทางทะเล ตามที่กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ซึ่งรวมถึงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวที่ผ่านมา กองทัพเรือได้จัดเรือ และอากาศยานปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาที่มักพบคือ เมื่อต้องปฏิบัติการบริเวณไกลฝั่ง จำเป็นต้องใช้ เรือขนาดใหญ่ที่มีความคงทนทะเลสูง ซึ่งปกติจะใช้เรือฟริเกตเป็นหลัก แต่เนื่องจากเรือฟริเกตเป็นเรือ ที่ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการรบโดยตรง จึงมียุทโธปกรณ์ และกำลังพลจำนวนมาก ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองสูง ทั้งการใช้งานและการบำรุงรักษา กองทัพเรือจึงได้ดำเนินการ จัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง จำนวน 2 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดใกล้เคียงกับเรือฟริเกตเข้าปฏิบัติงานแทน

การดำเนินการสร้าง

การต่อเรือนั้นดำเนินการที่ประเทศจีน โดยทำติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิคต่าง ๆ ซึ่งเป็นของยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ ฯลฯ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือไทยในขณะนั้น และนำเรือเปล่ากลับมาติดอาวุธที่เมืองไทย เรือหลวงนราธิวาส ได้รับพระราชทานชื่อจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับเรือหลวงปัตตานี โดยเรือหลวงนราธิวาส เป็นเรือลำที่สองที่ต่อเสร็จ และได้ออกเดินทางจากเมืองเซียงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงประเทศไทยเมื่อ ก.พ. 2549

การตั้งชื่อเรือ

ประเทศไทยประสบปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพเรือพิจารณาแล้วเห็นว่า สมควรนำชื่อจังหวัดชายแดนภาคใต้มาพิจารณาเป็นพิเศษ ในการนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เคยขอร้องกองทัพเรือ ให้ตั้งชื่อเรือตามจังหวัดนราธิวาสมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น เพื่อเป็นการให้ความสำคัญต่อจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อให้ชื่อเรือของกองทัพเรือมีประวัติสืบต่อเนื่องกัน กองทัพเรือจึงของพระราชทานนามชื่อเรือ ตกก. ทั้ง 2 ลำว่า เรือหลวงปัตตานี (H.T.M.S.Pattani) และ เรือหลวงนราธิวาส (H.T.M.S.Narathiwat) ตามลำดับ

ภารกิจของหน่วย

ภารกิจหลัก ลาดตระเวนตรวจการณ์ และปฏิบัติการรบผิวน้ำ เพื่อป้องกันการแทรกซึม และการละเมิดอธิปไตยทางทะเล

ภารกิจรอง คุ้มครองเรือประมง ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ตลอดจนการรักษากฎหมายในทะเลตามอำนาจ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

หน้าที่

  • ลาดตระเวนตรวจการณ์ทางทะเลทั้งในยามปกติและยามสงคราม
  • คุ้มครองการลำเลียงขนส่งทางทะเลในยามสงคราม
  • ป้องกันการแทรกซึมทางทะเลในยามสงคราม
  • คุ้มครองเรือประมงและการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆในทะเล
  • ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล
  • ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 512
    • ขึ้นระวางประจำการ 16 เม.ย. 2549
    • ผู้สร้าง อู่ Hudong-Zhonghua เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 94.50 เมตร
    • ความกว้าง 11.80 เมตร
    • กินน้ำลึก 3.30 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 25 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 1,635 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,500 ไมล์
    • ความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 5
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 20 วัน
    • กำลังพลประจำเรือ 84 นาย
    • ลาน ฮ. รับน้ำหนักได้ 7 ตัน
    • อากาศยานประจำเรือ Super Lynx 300
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ Selex RAN-30 X/I
    • เรดาร์ทางยุทธวิธี LPI
    • เรดาร์และออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Rhienmetall TMX/EO
    • เรดาร์เดินเรือ X Band
    • เรดาร์เดินเรือ S Band
    • กล้องตรวจการณ์ 1 ระบบ
  • ระบบสื่อสาร
    • ระบบรวมการสื่อสาร 1 ระบบ ของบริษัท Rohde & Schwarz
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนหลัก OTO Melara 76/62 มม. Super Rapid Fire จำนวน 1 กระบอก
    • ปืนกล 20 มม. Oerlikon GAM-C01 จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ MAN RUSTON 16 RK270 2 x Diesels
    • ใบจักร แบบ CPP 2 พวง
    • เครื่องไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.patrolsqdn.com
  • https://th.wikipedia.org