Category: Uncategorized

เรือหลวงระยอง

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มเติม 4 ลำ ในโครงการเฟส 2 ได้มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธต่างๆแยกกันออกไป โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์คทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท ทำให้สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งอาวุธครบครันแล้วมีราคาต่อลำแค่เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น พอรวมกับเรือเดิมอีก 2 ลำแล้ว จึงเท่ากับมีเรือชั้นเดียวกันถึง 9 ลำ กองทัพเรือสามารถจัดกำลังรบเป็นหมู่ละ 3 ลำได้ถึง 3 หมู่ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 2 เข้าประจำการพร้อมกันทุกลำวันที่ 5 ตุลาคม 2481 เรือมีระวางขับน้ำลดลงมาประมาณ 10 ตันคือ 460 ตัน ความเร็วลดลงมาประมาณ 1.5 นอตคือ 30.5 นอต มีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสามารถบรรทุกน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงมีระยะทำการไกลสุดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า

เดิมเขียนเลข 23 และที่ข้างเรือเขียน รย. ภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส พุทธศักราช 2484 ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายเลข 6


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 23 และหมายเลข 6
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2519
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.80 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 413 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 460 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 30 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,530 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 867 ไมล์ ที่ 30 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 44 ซม. 4 ท่อยิง
    • ปืน 75/51 มม. 2 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 2 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. Bofors 1 กระบอก
    • ปืนกล Lewis 7.7 มม จำนวน 2 – 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักรไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง
    • ใบจักรคู่

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com
  • http://www.thaifighterclub.org
  • http://www.navypedia.org

เรือหลวงจันทบุรี

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มเติม 4 ลำ ในโครงการเฟส 2 ได้มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธต่างๆแยกกันออกไป โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์คทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท ทำให้สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งอาวุธครบครันแล้วมีราคาต่อลำแค่เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น พอรวมกับเรือเดิมอีก 2 ลำแล้ว จึงเท่ากับมีเรือชั้นเดียวกันถึง 9 ลำ กองทัพเรือสามารถจัดกำลังรบเป็นหมู่ละ 3 ลำได้ถึง 3 หมู่ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 2 เข้าประจำการพร้อมกันทุกลำวันที่ 5 ตุลาคม 2481 เรือมีระวางขับน้ำลดลงมาประมาณ 10 ตันคือ 460 ตัน ความเร็วลดลงมาประมาณ 1.5 นอตคือ 30.5 นอต มีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสามารถบรรทุกน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงมีระยะทำการไกลสุดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า

เดิมเขียนเลข 22 และที่ข้างเรือเขียน จบ. ภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส พุทธศักราช 2484 ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายเลข 5


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 22 และหมายเลข 5
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • ปลดประจำการ 16 ต.ค. 2519
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.80 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 413 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 460 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 30 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,530 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 867 ไมล์ ที่ 30 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 44 ซม. 4 ท่อยิง
    • ปืน 75/51 มม. 2 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 2 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. Bofors 1 กระบอก
    • ปืนกล Lewis 7.7 มม จำนวน 2 – 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักรไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง
    • ใบจักรคู่

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com
  • http://www.navypedia.org

เรือหลวงสุราษฎร์

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มเติม 4 ลำ ในโครงการเฟส 2 ได้มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธต่างๆแยกกันออกไป โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์คทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท ทำให้สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งอาวุธครบครันแล้วมีราคาต่อลำแค่เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น พอรวมกับเรือเดิมอีก 2 ลำแล้ว จึงเท่ากับมีเรือชั้นเดียวกันถึง 9 ลำ กองทัพเรือสามารถจัดกำลังรบเป็นหมู่ละ 3 ลำได้ถึง 3 หมู่ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 2 เข้าประจำการพร้อมกันทุกลำวันที่ 5 ตุลาคม 2481 เรือมีระวางขับน้ำลดลงมาประมาณ 10 ตันคือ 460 ตัน ความเร็วลดลงมาประมาณ 1.5 นอตคือ 30.5 นอต มีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสามารถบรรทุกน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงมีระยะทำการไกลสุดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า

เดิมเขียนเลข 21 และที่ข้างเรือเขียน สร. ภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส พุทธศักราช 2484 ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายเลข 4


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 21 และ หมายเลข 4
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2521
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.80 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 413 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 460 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 30 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,530 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 867 ไมล์ ที่ 30 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 44 ซม. 4 ท่อยิง
    • ปืน 75/51 มม. 2 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 2 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. Bofors 1 กระบอก
    • ปืนกล Lewis 7.7 มม จำนวน 2 – 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักรไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง
    • ใบจักรคู่
ลำกลาง จอดที่อู่ต่อเรือ ในอิตาลี

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com

เรือหลวงตราด

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

หลังเหตุการณ์กบฎบวรเดชในปี 2476 กองทัพเรือได้งบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลประมาณ 3 ล้านบาท นาวาเอกหลวงสินธุสงครามชัยเสนาธิการทหารเรือ ได้เสนอให้ต่อเรือตอร์ปิโดจำนวน 2 ลำ (เรือหลวงตราด และ เรือหลวงภูเก็ต) จากอู่กันดิเอริ ริอูนิดิ เดลลัดดริอาดิ โก ประเทศอิตาลี (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone Italy) ราคาต่อเรือพร้อมอาวุธลำละ 1 ล้าน 3 แสนบาท เรือหลวงตราดและเรือหลวงภูเก็ต ถือเป็นเรือตอร์ปิโดใหญ่เฟสแรกสุด เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราด ใช้เครื่องจักรกังหันไอน้ำแบบพาร์สันใช้ไอดงจำนวน 2 เครื่อง ความเร็วสุงสุดแ32 นอต เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 1 เข้าประจำการพร้อมกันวันที่ 19 พฤษภาคม 2480 ในเวลาต่อมาได้มีการจัดหาเพิ่มเติมอีกจำนวน 7 ลำ รวมเป็น 9 ลำ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดมีจุดเด่นที่ความเร็วสุง ติดปืนใหญ่และปืนต่อสู้อากาศยานเพียงพอ สำหรับป้องกันตัว โดยมีอาวุธสำคัญคือตอร์ปิโดขนาด 450 มม.จำนวน 6 นัด มีความเหมาะสมกับภารกิจ ลอบเข้าโจมตีกองเรือฝ่ายตรงข้าม

เดิมเขียนเลข 5 ที่หัวเรือ เพราะเป็นเลขต่อจากเรือตอร์ปิโด 4 ภายหลังเปลี่ยนการจัดเรือเข้าหน่วยยุทธวิธีใหม่ จึงเปลี่ยนเลข 5 เป็น เลข 11 และที่ข้างเรือเขียน ตด. ภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส พุทธศักราช 2484 ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายเลข 1


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 5 และ หมายเลข 11 และ หมายเลข 1
    • วางกระดูกงู 8 ก.พ. 2478
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 26 ต.ค. 2478
    • ขึ้นระวางประจำการ 19 พ.ค. 2480
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2518
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68.5 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.10 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 435 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 470 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 15 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 32 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,700 ไมล์ ที่ 15 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 45 ซม. ของเดนมาร์ก 6 ท่อยิง
    • ปืน 76/40 Vickers Armstrong มม. 3 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 1 กระบอก
    • รางวางทุ่นระเบิด 2 ราง
    • ปืนกล Lewis 8 ซม. จำนวน 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักร กังหันไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง กำลัง 8,800 แรงม้า
    • ใบจักรคู่
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http:www.navy.mi.th
  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com
  • http://www.reurnthai.com

เรือหลวงธนบุรี

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงธนบุรีเป็นเรือรบประเภทเรือปืนยามฝั่ง จัดอยู่ในชั้นเรือเดียวกันกับเรือหลวงศรีอยุธยา ต่อขึ้นที่อู่ต่อเรือกาวาซากิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2479 เป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือไทยในช่วงกรณีพิพาทระหว่างไทย – อินโดจีนฝรั่งเศส โดยเรือหลวงธนบุรีได้เข้าทำการรบอย่างกล้าหาญในยุทธนาวีเกาะช้างเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2484 จนสามารถขับไล่ข้าศึกได้สำเร็จ แต่เรือได้รับความเสียหายอย่างหนักมาก เรือหลวงช้างจึงลากจูงให้มาเกยตื้นในเย็นวันเดียวกันที่แหลมงอบ จังหวัดตราด ภายหลังเมื่อมีการกู้เรือหลวงธนบุรีแล้ว กองทัพเรือได้ลากจูงเรือมาทำการซ่อมใหญ่ในวันที่ 26 ก.ย. 2484 แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเสียหายหนักเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ จึงปลดระวางจากการเป็นเรือรบ และใช้เป็นกองบังคับการลอยน้ำของกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ จนปลดระวางประจำการเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2502 ทางราชการจึงได้นำส่วนป้อมปืนเรือและหอบังคับการของเรือหลวงธนบุรีมาจัดตั้งเป็นอนุสรณ์สถานเรือหลวงธนบุรี เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ภายในโรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการ ชื่อของเรือหลวงธนบุรีได้มาจากนาม “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” อันเป็นนามของราชธานีไทยในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พ.ศ. 2310 – 2325)

คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • วางกระดูกงู 12 ม.ค.2479
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 31 ก.ค. 2480
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • ปลดประจำการ 26 ก.ย. 2484
    • ผู้สร้าง คะวะซะกิ เมืองโคเบะ ประเทศญี่ปุ่น
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 77.01 เมตร
    • ความกว้าง 14.43 เมตร
    • กินน้ำลึก 4.19 เมตร
    • ระวางขับน้ำ ปกติ 2,301 ตัน สูงสุด 2,265 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12.20 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 15.80 นอต
    • ระยะปฏิบัติการ 11,100 ไมล์ ที่ 12.20 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 234 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • หมู่ปืนใหญ่ 8 นิ้ว (203 มม.) Naval Gun Type 3 ป้อมละ 2 กระบอก จำนวน 2 ป้อม
    • ปืนอเนกประสงค์ 75 มม. Type 51 จำนวน 4 กระบอก
    • ปืนกลอากาศ 20 มม. แท่นคู่ จำนวน 2 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง กำลัง 5,200 แรงม้าต่อเครื่อง
    • พาราเวนกวาดทุ่นระเบิด 2 ชุด
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org
  • http://www.payanakmodel.com

เรือหลวงศรีอยุธยา

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงศรีอยุธยา (อังกฤษ: HTMS Sri Ayudhya) เป็นเรือรบประเภทเรือปืนยามฝั่ง จัดเป็นเรือพี่เรือน้องกับ เรือหลวงธนบุรี ที่ได้ไปเปลี่ยนเวรรักษาการณ์ ณ เกาะช้าง จังหวัดตราด เมื่อเย็นวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2484 และเกิดยุทธนาวีกับฝรั่งเศส (ยุทธนาวีเกาะช้าง) ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเรือหลวงธนบุรีจมไปแล้ว เรือหลวงศรีอยุธยาจึงเสมือนสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ อีกลำหนึ่งของราชนาวีไทย เรือหลวงศรีอยุธยา เคยถวายงานเป็นเรือพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (ขณะทรงมีพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ครั้งเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 และเสด็จนิวัติพระนครครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2493 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ขณะทรงมีพระอิสริยยศเป็น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงมีพระปฏิพัทธ์กับเรือพระที่นั่งลำนี้ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ดังจะเห็นได้จากพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงต่อเรือหลวงศรีอยุธยาจำลอง ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง

เรือหลวงศรีอยุธยา มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยในกรณีกบฏแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 29-30 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เมื่อทหารเรือกลุ่มหนึ่ง นำโดย นาวาตรี มนัส จารุภา ได้นำกำลังทหารเรือส่วนหนึ่ง บุกจู่โจมจับตัว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ขณะทำหน้าที่เป็นประธานพิธีรับมอบเรือขุดสันดอนสัญชาติอเมริกันชื่อ “แมนฮัตตัน” จากอุปทูตสหรัฐอเมริกา ที่ท่าราชวรดิฐ ในเวลา 15.00 น. ท่ามกลางแขกเหรื่อผู้มีเกียรติมากมายในพิธี ลงจากเรือแมนฮัตตัน จากนั้นได้นำตัวลงเรือข้ามฟากเพื่อนำขึ้นไปยังเรือหลวงศรีอยุธยา ที่จอดลอยลำอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นตัวประกัน เหตุที่ใช้เรือหลวงศรีอยุธยาเป็นสถานที่กักตัวประกัน ซึ่งเป็นเสมือนหัวใจสำคัญนั้น เพราะคณะผู้ก่อการมั่นใจในประสิทธิภาพของเรือ เพราะเป็นเรือเหล็กหุ้มเกราะ อาวุธเบาไม่สามารถทำอะไรได้ อีกทั้งยังมีอาวุธที่ทรงอานุภาพ คือ ปืนโฟร์ฟอร์ต 8 นิ้ว ยิงวิถีราบ ที่ถือว่ามีอานุภาพสูงกว่าอาวุธของทางทหารบกเสียอีก แต่ทว่าแผนการรัฐประหารในครั้งนี้เกิดความผิดพลาด เมื่อไม่เป็นไปตามแผน ซึ่งเรือหลวงศรีอยุธยาจะต้องแล่นผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้า เพื่อไปตั้งกองบัญชาการที่กรมสรรพาวุธทหารเรือ บางนา แต่ทว่าสะพานไม่เปิด จึงกลับลำที่หน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ แล้วแล่นไปจอดลอยลำหน้าท่าราชวรดิฐ ตลอดคืนวันที่ 29 มิถุนายน การปะทะกันยังไม่เกิดขึ้น แต่บรรยากาศของความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในส่วนตัวของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ถูกจับกุมตัวไป ได้เจรจากับคณะผู้ก่อการที่นำโดย นาวาเอก อานนท์ ปุณฑริกกาภา และ น.ต.มนัส จารุภา ถึงเหตุผลของการกระทำ และเป็นผู้เสนอที่จะออกอากาศโดยบันทึกเสียงจากเส้นลวดบันทึกเสียง แล้วถูกนำไปออกอากาศกระจายเสียงทางวิทยุทหารเรือ ว่าเป็นแถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรีด้วยความสมัครใจ ไม่ได้เป็นการบีบบังคับ แต่ทางฝ่ายรัฐบาลได้ออกกระจายเสียงตอบโต้ไปทางวิทยุกรมการรักษาดินแดน ซึ่งทางรัฐบาลได้ตัดสินใจให้ฝ่ายทหารเรือ บุกชิงตัวจอมพล ป. กลับคืนมาก่อนรุ่งสาง ไม่เช่นนั้นจะทำการยิงให้เด็ดขาดกันไป แต่ทางทหารเรือปฏิเสธเพราะเกรงว่าจอมพล ป. จะได้รับอันตราย แม้ทาง พลเรือโท ผัน นาวาวิจิต ผู้บังคับการกองเรือรบ ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของคณะผู้ก่อการ จะขออาสาขึ้นไปบนเรือเองในเวลารุ่งเช้าเพื่อเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการ จนกระทั่งเช้ามืดของวันที่ 30 มิถุนายน ทหารฝ่ายรัฐบาลระดมกำลังเข้า โจมตีทหารเรือทุกจุด การยิงต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดติดต่อกันหลายชั่วโมง เรือหลวงศรีอยุธยาหะเบสสมอจากท่าราชวรดิฐ แล่นขึ้นไปทางเหนือแล้วล่องลงมาเพื่อทำการยิงสนับสนุน ต่อมากองทัพอากาศส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิด บริเวณลานวัดพระยาทำ ขณะทหารกำลังแถวรับคำสั่ง กับบริเวณกรมอู่ทหารเรือ และที่กองเรือรบซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตมากมายทั้งทหารและพลเรือน ถึงตอนนี้เรือหลวงศรีอยุธยา ก็เครื่องยนต์เสียแล้วจากการถูกโจมตีอย่างหนัก มีเครื่องจักรใหญ่ขวาใช้ได้เพียงเครื่องเดียว ก็ล่องลงมาถึงหน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ เพื่อกลับลำ ปรากฏว่าเครื่องกลับจักรขวาเกิดชำรุด ขึ้นมาอีก จึงหมดสมรรถภาพที่จะสามารถเคลื่อนไหวต่อไปได้อีก ต้องลอยลำอยู่หน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ ต่อมาฐานที่มั่นของคณะผู้ก่อการที่ท่าราชวรดิฐแตก เป้าการโจมตีจึงมาอยู่ที่เรือหลวงศรีอยุธยาอย่างเดียว จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น. กองทัพอากาศ โดย พลอากาศเอก ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี ผู้บัญชาการทหารอากาศ ส่งเครื่องบิน (ฝึก) เอ.ที.6 หรือ ฝ.8 จำนวนมากเข้ามารุมโจมตีเรือหลวงศรีอยุธยา พร้อมทั้งยิงกราดด้วยปืนกล ขณะเดียวกันทหารบกและตำรวจช่วยทำการยิงขัดขวางไม่ให้ทหารประจำเรือขึ้นมายิงต่อสู้เครื่องบินบนดาดฟ้า ภารกิจยิงต่อสู้จึงตกอยู่กับทหารเรือที่อยู่บนป้อมวิชัยประสิทธิ์ และพระราชวังเดิม ซึ่งต้องยิงต่อสู้ทั้งเครื่องบิน และทหารรัฐบาลฝั่งตรงข้าม การต่อสู้ก็มีแต่อาวุธเบา จนในที่สุดเรือก็ไฟไหม้ สถานการณ์ของฝ่ายผู้ก่อการแย่ลงทุกขณะ ทหารเรือ 2 คนประจำเรือจึงตัดสินใจ สวมเสื้อชูชีพให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม แล้วนำกระโดดลงน้ำว่ายข้ามมา โดยมีทหารเรือที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์เป็นผู้ยิงคุ้มกันให้ จากนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเปิดการเจรจากัน ในที่สุด คณะผู้ก่อการก็ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยการปล่อยตัวจอมพล ป. กลับคืนให้แก่รัฐบาลด้วยความปลอดภัย และแกนนำผู้ก่อการต้องแยกย้ายกันหลบหนีด้วยรถไฟไปทางภาคเหนือก่อนจะเดินเท้าข้ามพรมแดนข้ามไปยังประเทศพม่า ในส่วนของเรือหลวงศรีอยุธยา หลังจากเกิดไฟไหม้อยู่เป็นเวลานานก็อัปปางลงที่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาในกลางดึกของคืนวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2494 ต่อมาซากเรือหลวงศรีอยุธยาได้ถูกกู้ขึ้นมา ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2502 เนื่องจากเป็นอันตรายในการเดินเรือ


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • เรือในชั้นเดียวกัน ร.ล.ธนบุรี
    • วางกระดูกงู พ.ศ. 2479
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 31 ก.ค. 2480
    • ขึ้นระวางประจำการ 19 ก.ค. 2481
    • ปลดประจำการ 8 ต.ค. 2502
    • ผู้สร้าง คะวะซะกิ เมืองโคเบะ ประเทศญี่ปุ่น
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 77.01 เมตร
    • ความกว้าง 13.41 เมตร
    • กินน้ำลึก 4.2 เมตร
    • ระวางขับน้ำ เต็มที่ 2,350 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12.20 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 15.80 นอต
    • ระยะปฏิบัติการ 11,100 ไมล์ ที่ 12.20 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 234 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • หมู่ปืนใหญ่ 8 นิ้ว (203 มม.) Naval Gun Type 3 ป้อมละ 2 กระบอก จำนวน 2 ป้อม
    • ปืนอเนกประสงค์ 75 มม. Type 51 จำนวน 4 กระบอก
    • ปืนกลอากาศ 20 มม. แท่นคู่ จำนวน 2 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง กำลัง 5,200 แรงม้าต่อเครื่อง
    • พาราเวนกวาดทุ่นระเบิด 2 ชุด
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org

เรือหลวงสงขลา(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มเติม 4 ลำ ในโครงการเฟส 2 ได้มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธต่างๆแยกกันออกไป โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์คทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท ทำให้สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งอาวุธครบครันแล้วมีราคาต่อลำแค่เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น พอรวมกับเรือเดิมอีก 2 ลำแล้ว จึงเท่ากับมีเรือชั้นเดียวกันถึง 9 ลำ กองทัพเรือสามารถจัดกำลังรบเป็นหมู่ละ 3 ลำได้ถึง 3 หมู่ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 2 เข้าประจำการพร้อมกันทุกลำวันที่ 5 ตุลาคม 2481 เรือมีระวางขับน้ำลดลงมาประมาณ 10 ตันคือ 460 ตัน ความเร็วลดลงมาประมาณ 1.5 นอตคือ 30.5 นอต มีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสามารถบรรทุกน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงมีระยะทำการไกลสุดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 33
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • จมในการรบที่เกาะช้าง 17 ม.ค. 2484
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68.5 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.80 เมตร
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 460 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 30.5 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,530 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 867 ไมล์ ที่ 30 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 44 ซม. 4 ท่อยิง
    • ปืน 75/51 มม. 2 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 2 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. Bofors 1 กระบอก
    • ปืนกล Lewis 7.7 มม จำนวน 2 – 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักรไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง
    • ใบจักรคู่
  • เรือในชุดเดียวกันเรือหลวงตราด

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com

เรือหลวงชลบุรี(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มเติม 4 ลำ ในโครงการเฟส 2 ได้มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธต่างๆแยกกันออกไป โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์คทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท ทำให้สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งอาวุธครบครันแล้วมีราคาต่อลำแค่เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น พอรวมกับเรือเดิมอีก 2 ลำแล้ว จึงเท่ากับมีเรือชั้นเดียวกันถึง 9 ลำ กองทัพเรือสามารถจัดกำลังรบเป็นหมู่ละ 3 ลำได้ถึง 3 หมู่ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 2 เข้าประจำการพร้อมกันทุกลำวันที่ 5 ตุลาคม 2481 เรือมีระวางขับน้ำลดลงมาประมาณ 10 ตันคือ 460 ตัน ความเร็วลดลงมาประมาณ 1.5 นอตคือ 30.5 นอต มีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสามารถบรรทุกน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงมีระยะทำการไกลสุดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เดิมเขียนเลข 32 และที่ข้างเรือเขียน ชบ. ต่อมาภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 32
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • จมในการรบที่เกาะช้าง 17 ม.ค. 2484
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68.5 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.80 เมตร
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 460 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 30.5 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,530 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 867 ไมล์ ที่ 30 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 44 ซม. 4 ท่อยิง
    • ปืน 75/51 มม. 2 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 2 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. Bofors 1 กระบอก
    • ปืนกล Lewis 7.7 มม จำนวน 2 – 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักรไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง
    • ใบจักรคู่
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com

เรือหลวงปัตตานี(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มเติม 4 ลำ ในโครงการเฟส 2 ได้มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธต่างๆแยกกันออกไป โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์คทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท ทำให้สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งอาวุธครบครันแล้วมีราคาต่อลำแค่เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น พอรวมกับเรือเดิมอีก 2 ลำแล้ว จึงเท่ากับมีเรือชั้นเดียวกันถึง 9 ลำ กองทัพเรือสามารถจัดกำลังรบเป็นหมู่ละ 3 ลำได้ถึง 3 หมู่ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 2 เข้าประจำการพร้อมกันทุกลำวันที่ 5 ตุลาคม 2481 เรือมีระวางขับน้ำลดลงมาประมาณ 10 ตันคือ 460 ตัน ความเร็วลดลงมาประมาณ 1.5 นอตคือ 30.5 นอต มีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสามารถบรรทุกน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงมีระยะทำการไกลสุดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า

เดิมเขียนเลข เลข 13 และที่ข้างเรือเขียน ปน. ภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส พุทธศักราช 2484 ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายเลข 3


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 13 และ หมายเลข 3
    • ขึ้นระวางประจำการ 5 ต.ค. 2481
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2521
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.80 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 413 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 460 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 30 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,530 ไมล์ ที่ 12 นอต และ 867 ไมล์ ที่ 30 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 44 ซม. 4 ท่อยิง
    • ปืน 75/51 มม. 2 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 2 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. Bofors 1 กระบอก
    • ปืนกล Lewis 7.7 มม จำนวน 2 – 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักรไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง
    • ใบจักรคู่
จอดที่อู่ต่อเรือ ในอิตาลี

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com

เรือหลวงภูเก็ต(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

หลังเหตุการณ์กบฎบวรเดชในปี 2476 กองทัพเรือได้งบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลประมาณ 3 ล้านบาท นาวาเอกหลวงสินธุสงครามชัยเสนาธิการทหารเรือ ได้เสนอให้ต่อเรือตอร์ปิโดจำนวน 2 ลำ (เรือหลวงตราด และ เรือหลวงภูเก็ต) จากอู่กันดิเอริ ริอูนิดิ เดลลัดดริอาดิ โก ประเทศอิตาลี (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone Italy) ราคาต่อเรือพร้อมอาวุธลำละ 1 ล้าน 3 แสนบาท เรือหลวงตราดและเรือหลวงภูเก็ต ถือเป็นเรือตอร์ปิโดใหญ่เฟสแรกสุด เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราด ใช้เครื่องจักรกังหันไอน้ำแบบพาร์สันใช้ไอดงจำนวน 2 เครื่อง ความเร็วสุงสุดแ32 นอต เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเฟส 1 เข้าประจำการพร้อมกันวันที่ 19 พฤษภาคม 2480 ในเวลาต่อมาได้มีการจัดหาเพิ่มเติมอีกจำนวน 7 ลำ รวมเป็น 9 ลำ เรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดมีจุดเด่นที่ความเร็วสุง ติดปืนใหญ่และปืนต่อสู้อากาศยานเพียงพอ สำหรับป้องกันตัว โดยมีอาวุธสำคัญคือตอร์ปิโดขนาด 450 มม.จำนวน 6 นัด มีความเหมาะสมกับภารกิจ ลอบเข้าโจมตีกองเรือฝ่ายตรงข้าม

นับเป็นลำที่ 2 ต่อจากเรือตอร์ปิโด 4 ภายหลังเปลี่ยนการจัดเรือเข้าหน่วยยุทธวิธีใหม่ จึงเปลี่ยนเลข 12 ภายหลังจึงลบเลข และตัวอักษร เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส พุทธศักราช 2484 ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายเลข 2


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 12 และ หมายเลข 2
    • วางกระดูกงู 8 ก.พ. 2478
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 28 ก.ย. 2478
    • ขึ้นระวางประจำการ 19 พ.ค. 2480
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2518
    • ผู้สร้าง อู่กันติเอริ ริอูนิติ เดลล์ดดริอาติโก มองฟัลโกเน เมืองตริเอสเต (Cantieri Riuniti dell’ Adriatico in Monfalcone) ประเทศอิตาลี
    • กำลังพล 112 นาย
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 68.5 เมตร
    • ความกว้าง 6.55 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.10 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 435 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 470 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 15 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 32 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,700 ไมล์ ที่ 15 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ตอร์ปิโด 45 ซม. ของเดนมาร์ก 6 ท่อยิง
    • ปืน 76/40 Vickers Armstrong มม. 3 กระบอก
    • ปืนต่อสู้อากาศยาน Madsen 20 มม. 1 กระบอก
    • รางวางทุ่นระเบิด 2 ราง
    • ปืนกล Lewis 8 ซม. จำนวน 4 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องจักร กังหันไอน้ำ แบบพาร์สัน (ไอเบา 2 ครั้ง) 2 เครื่อง กำลัง 8,800 แรงม้า
    • ใบจักรคู่

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.rtni.org
  • http://thaimilitary.blogspot.com
  • http://www.reurnthai.com

Copyright © 2025 Seafarer Library

Theme by Anders NorenUp ↑