Category: Uncategorized

พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

⇑ ทำเนียบนักเรียนนายเรือ พ.ศ. 2518

พลเรือเอกนริส ประทุมสุวรรณ มีชื่อเล่นว่า “นุ้ย” เกิดเมื่อ 1 เม.ย. 2501 เป็นบุตรของพันตรีสุชาย และ ดร.สโรชา ประทุมสุวรรณ สมรสกับนางเกสรา ประทุมสุวรรณ มีบุตรสาว 2 คน คือ นางสาวธัชพรรณ ประทุมสุวรรณ และ นางสาวปณิดา ประทุมสุวรรณ

การศึกษา
– โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 89
– โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 16
– โรงเรียนนายเรือ รุ่น 73
– โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ
– วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่น 32
– รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา
– การป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 54

หลักสูตร
– หลักสูตรต้นปืน
– นายทหารปราบเรือดำน้ำ
– โครงการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชาติ (คศม.)
– Foreign Officer Tactical Intelligence เครือรัฐออสเตรเลีย

ตำแหน่งสำคัญ
– ผู้บังคับการเรือหลวงจุฬา
– ผู้บังคับการเรือหลวงไผ่
– เลขานุการกองทัพเรือ
– ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
– หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรองผบ.ทร.
– รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1
– ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2
– ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
– ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ

พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 52 ระหว่าง 1 ต.ค. 2560 – 30 ก.ย. 2561 และเคยดำรงตำแหน่งตุลาการศาลทหารสูงสุด สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการในคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ฯลฯ นอกจากนี้ ท่านยังได้รับรางวัล เกียรติยศจักรดาว ในปี 2561



แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org/
  • https://www.khaosod.co.th/
  • https://www.facebook.com/ILoveRoyalThaiNavy/

เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

พลเรือเอก สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา เป็นพระราชโอรส พระองค์ที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2432 ในพระบรมมหาราชวัง มีพระนามลำลองว่า “เอียดเล็ก” โดยข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป จะขนานพระนามว่า “ทูลกระหม่อมเอียดเล็ก” หรือ “ทูลกระหม่อมอัษฎางค์” พระองค์ทรงมีพระเชษฐภคินี พระเชษฐาและพระอนุชาร่วมพระชนนี 7 พระองค์ คือ

  1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัตมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์
  2. พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
  3. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง
  4. จอมพล สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
  5. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
  6. นายพลเรือเอก สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
  7. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชบูรณ์อินทราไชย
  8. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงอภิเษกสมรสกับแผ้ว สุทธิบูรณ์ แต่ไม่มีพระโอรสและพระธิดา

พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ต่อมาได้ทรงผนวชเป็นสามเณร ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผนวชแล้วเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร หลังจากลาผนวช ทรงเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกและเจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช และทรงศึกษาวิชาทหารเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แล้วจึงเสด็จกลับประเทศไทยมาศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยทหารบก พระองค์ทรงเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพล ยศพลตรี แล้วจึงไปดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกระทรวงทหารเรือ ยศพลเรือเอก วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้เลื่อนเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ และดำรงตำแหน่งรัชทายาทแทนสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ที่เสด็จทิวงคต


สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา มีพระกรณียกิจที่สำคัญในกองทัพเรือ คือ ทรงดำรงตำแหน่งผู้กำกับราชการกระทรวงทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 ต่อจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ พลเรือเอก และทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกระทรวงทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2467 ทรงเปลี่ยนระเบียบการปกครองบังคับบัญชาเรือหลวงใหม่ แต่เดิมนั้นการบังคับบัญชาในเรือหลวง แบ่งออกเป็น 2 กระบวนเรือ แต่ละกระบวนเรือต่างก็เป็นอิสระแก่กัน ขึ้นตรงต่อกระทรวงทหารเรือ พระองค์ทรงเห็นว่าไม่เหมาะสม ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ไม่เป็นแบบฉบับเดียวกัน จึงให้รวมกระบวนเรือทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า กองทัพเรือ มีผู้บัญชาการกองทัพเรือเป็นผู้บังคับบัญชา ขึ้นตรงต่อกระทรวงทหารเรือ ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพเรือคนแรกคือ นาวาเอก พระหาญสมุท (บุญมี พันธุมนาวิน) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2466 และให้แบ่งแยกกองทัพเรือออกเป็น 3 กองเรือ คือ กองเรือปืน กองเรือใช้ตอร์ปิโด และกองเรือช่วยรบ

สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา ประทับ ณ “วังสวนกุหลาบ” ซึ่งอยู่ภายในพระราชวังดุสิต ซึ่งมีครูทั้งทางดนตรีและนาฏศิลป์มาประจำอยู่มากมาย ด้วยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมาทรงสนับสนุนศิลปะในแขนงนี้เป็นอันมาก นักดนตรีโดยส่วนใหญ่จะมาจากวงวังบูรพาภิรมย์ แม้แต่หลวงประดิษฐ์ไพเราะเองก็ได้มาช่วยปรับวงเป็นระยะ นักดนตรีที่มีชื่อเสียงจะได้แก่ นายปริก หะสิตะเสน (ฆ้อง) นายมาก อนันตศัพท์ (เครื่องหนังและควบคุมวง) นายต๋วม สาดวง (ปี่) นายสงัด ยมะคุปต์ (ระนาดทุ้ม) นายสนิท (ฆ้องวงเล็ก) โดยมีครูท้วม ประสิทธิกุล เป็นนักร้อง สำหรับด้านนาฏศิลป์นั้นจะมีผู้มีฝีมือยู่กันหลายคน โดยเฉพาะ หม่อมแผ้ว (ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์ เสนีย์) ซึ่งเป็นพระชายานั้นจัดเป็นคนรำที่มีฝีมือเจนจัดมาก กับทั้งยังมีครูลมุล ยมคุปต์ และครูเฉลย ศุขะวนิชย์ ซึ่งเป็นคนรำที่มีฝีมือเสียทั้งสิ้น ทำให้วงดนตรีและคณะละคร มีความสามารถและมีชื่อเสียงกระจายไปทั่ว

พระองค์ประชวรด้วยพระโรคไต เสด็จทิวงคต ณ พระตำหนักวังสวนกุหลาบ พระราชวังดุสิต เมื่อ 9 ก.พ. 2468 สิริพระชันษาได้ 35 ปี


แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org/
  • https://hmong.in.th
  • http://110.170.81.29/prince

กรมหมื่นปราบปรปักษ์

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

นายพลเรือโท พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าขจร มาลากุล ณ อยุธยา เป็นพระโอรสใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ประสูติแต่หม่อมกลีบ มาลากุล ณ อยุธยา เมื่อ 3 ก.ย. 2386 ต่อมาทรงได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์ จากนั้นในปี พ.ศ. 2428 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ทรงเป็นผู้กำกับกรมช่างสิบหมู่ สืบต่อจาก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ พระองค์รับราชการในหน้าที่ต่าง ๆ จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมมีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์

พระองค์เสกสมรสกับ หม่อมเปี่ยม หม่อมจับ หม่อมทับ หม่อมเพิ่ม หม่อมสุ่น หม่อมกลิ่น หม่อมกลั่น และหม่อมอิน ทรงมีพระโอรส-พระธิดา จำนวน 11 คน จากหม่อมทั้งหมดจำนวน 8 คน หม่อมราชวงศ์ทั้ง 11 คน มีชื่อขึ้นต้นด้วย ป ปลา ตามพระนามกรมของพระองค์ เป็นอักษรพยางค์เดียวทั้งหมด


พระองค์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง 15 เม.ย. 2433 – 25 มี.ค. 2441 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีพิพาท ร.ศ. 112 อีกด้วย นายพลเรือโท พระวรวงศ์เธอ กรมหมืนปราบปรปักษ์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2441


แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org/

กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (5 เม.ย. 2399 – 25 ม.ค. 2468) อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระมารดาเจ้าจอมมารดาสังวาลย์ พระสนมโท และเป็นต้นราชสกุลทองใหญ่ เป็นพระเจ้าลูกเธอองค์ที่ 25 และเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 13 ในรัชกาลที่ 4 มีพระโอรส 11 องค์ และมีพระธิดา 15 องค์ รวม 26 องค์ พระองค์มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2399 เมื่อสมโภชเดือนแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ พระองค์มีพระอนุชา พระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 3 พระองค์ คือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทองแถมถวัลยวงศ์ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายเจริญรุ่งราษี และ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงกาญจนากร

ทรงเริ่มการศึกษาวิชาอักษรไทย และภาษาบาลี และภาษาต่างประเทศจนสามารถอ่าน และเขียนภาษาอังกฤษได้ดี ทรงผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2411 และเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2418 และประทับที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร หลังลาสิกขาแล้วทรงศึกษาวิชากฎหมาย แล้วเข้ารับราชการเป็นนักเรียนศาลฎีกาในสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ เป็นอธิบดีศาลฎีกา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงแต่งตั้งเป็นกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นกำลังสำคัญของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการรักษาดินแดนไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศสครั้งวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ปราบปรามกบฏจีนฮ่อในมณฑลลาวพวน ที่ยกกำลังเข้าปล้นสะดมราษฎรไทยตามแนวชายแดนไทย-ลาว จนสงบราบคาบ โดยมีการสร้าง อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ณ เมืองหนองคาย ไว้เป็นอนุสรณ์ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรี ในเวลาต่อมาทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ พ.ศ. 2436 ทรงตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวนที่บ้านหมากแข้ง ต่อมา พ.ศ. 2442 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม สิ้นพระชนม์ด้วยโรคพระอันตะ (ไส้ใหญ่ ) พิการ ณ วังตรอกสาเก เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2467 สิริพระชันษาได้ 68 ปี นอกจากนี้ ทุกวันที่18 ม.ค. ของทุกปี เป็นวันที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ยกทัพมาสร้างบ้านแปลงเมือง ณ บ้านเดื่อหมากแข้ง ทางจังหวัดอุดรธานี จึงกำหนดวันดังกล่าวเป็นวัดเฉลิมฉลองครบรอบการก่อตั้งเมืองอุดรธานี



แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org/
  • https://www.kroobannok.com/

เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  พระนามเดิม  พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์  เป็นพระราชโอรสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ประสูติแต่สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี  เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2402  มีพระเชษฐาและพระโสทรเชษฐภคินีรวม 3 พระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ สมรสกับ แม้น บุนนาค บุตรีเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนพิพัฒนศักดิ์ ( วร บุนนาค ) ทรงเป็นต้นราชสกุลภาณุพันธุ์ ทรงมีพระโอรส 9 องค์ ธิดา 7 องค์ รวม 16 องค์

ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4  ทรงศึกษาหนังสือไทยในสำนักครูผู้หญิงในพระตำหนักหลังนอก  ครั้นถึงรัชกาลที่ 5  พ.ศ. 2413  โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีเฉลิมพระนามเป็น  สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ แล้วโปรดให้จัดพระราชพิธีโสกันต์ตามโบราณราชประเพณี  แล้วเสด็จประพาสสิงคโปร์  พม่าและอินเดีย เมื่อทรงพระเยาว์  ทรงเล่าเรียนอักษรขอมและภาษาบาลีจากสำนักพระยาปริยัติธรรมธาดา (เปี่ยม)   พระชนม์ได้ 14 ปี  ทรงผนวชเป็นสามเณรที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  แล้วเสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร  เมื่อขณะทรงผนวชสามเณรนั้น  พระองค์ทรงเล่าเรียนวิชาทางพุทธศาสตร์ในสำนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์   เมื่อทรงลาผนวชแล้ว  ทรงเล่าเรียนวิชาทหารในสำนักกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์  ส่วนภาษาอังกฤษทรงศึกษาในสำนักมิสเตอร์เอฟ. ยี. แปตเตอร์ซัน  ครูหลวงโรงเรียนหลวงที่โรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์  ต่อมาทรงศึกษาหนังสือไทยเพิ่มเติมในสำนักพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย  อาจารยางกูร)

เมื่อทรงลาผนวชแล้ว  กลับเข้ารับราชการฉลองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พ.ศ. 2424  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น  สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช  ช่วง พ.ศ.2444 ทรงได้รับตำแหน่ง เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และได้ทรงเป็นผู้รับตำแหน่งผู้บังคับบัญชาทหารเรือเพิ่มขึ้นในหน้าที่เสนาบดีกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง ระหว่าง 29 ม.ค. 2444 – 24 ก.พ. 2446 (ผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 10) ครั้นถึงรัชกาลที่ 6  พ.ศ. 2454  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  และในรัชกาลที่ 7  ทรงสถาปนาเป็น  สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์  กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เมื่อพ.ศ. 2468


งานราชการพิเศษ   ในรัชกาลที่ 5  ทรงเป็นแม่กองทำเขาไกรลาส ในพระราชพิธีโสกันต์กรมขุนสุพรรณภาควดี  ทรงเป็นนายด้านปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามในคราวฉลองพระนคร 100 ปี   เป็นแม่กองสร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท  เป็นนายกจัดการแสดงพิพิธภัณฑ์สยาม  เป็นสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ  เป็นผู้อำนวยการจัดการพระราชพิธีต่างๆ  ได้แก่  การพระเมรุสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์  เจ้าฟ้ากรมพระเทพนารีรัตน  พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศ  พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี  พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาส  และเจ้าคุณจอมมารดาสำลี  เป็นแม่กองจัดพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร    เป็นสภานายกจัดการดนตรีไปแสดงที่กรุงลอนดอน  ที่กรุงปารีส  เป็นแม่กองทำการก่อสร้างสถานที่ต่างๆ ที่เกาะสีชัง  เป็นต้น สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์  กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  มีพระปรีชาสามารถในการประพันธ์  โดยทรงใช้นามปากกาว่า  อาทิตย์อุไทย,  B.M.  มีผลงานด้านโคลงกลอนจำนวนมาก พระองค์เสด็จทิวงคตที่ตำหนักวังบุรพาภิรมย์  เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2471  พระชนมายุได้ 69 พรรษา 

ชาววังมักเอ่ยพระนามอย่างลำลองว่า “สมเด็จพระราชปิตุลาฯ” ส่วนชาวบ้านมักออกพระนามว่า “สมเด็จวังบูรพา” เพราะทรงมีวังชื่อว่า “วังบูรพาภิรมย์” ซึ่งก็คือตำแหน่งที่เป็นย่านวังบูรพาในปัจจุบัน


แหล่งอ้างอิง

  • https://www.sac.or.th/
  • http://www.engrdept.com/
  • https://th.wikipedia.org

เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ เป็นพระโอรสลำดับที่ 62 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระมารดาคือ พระสัมพันธวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงพรรณราย และทรงเป็นต้นราชสกุล “จิตรพงศ์” ประสูติ  เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2406 โดยได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระบรมชนกนารถ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระราชบิดาสวรรคต มีพระชันษาแค่ 5 ปี มีหม่อม 3 ท่าน ได้แก่ หม่อมราชวงศ์ปลื้ม หม่อมมาลัย และหม่อมราชวงศ์โต มีพระโอรสธิดารวมทั้งหมด 9 พระองค์

พระองค์ทรงเป็นเสนาบดีหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงวัง ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง 27 มี.ค. 2441 – 31 ส.ค. 2442 (ผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 7) จนกระทั่งได้รับพระราชทานพระยศเป็น พลโท เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริเห็นควรที่จะสถาปนาให้ดำรงพระอิสริยยศที่ “กรมหลวง” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน อุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกศิลปากร และพระองค์ยังได้รับการแต่งให้ให้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการพระราชวงศ์ มีหน้าที่สนองพระเดชพระคุณในพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระราชวงศ์พระองค์ใดที่มีกิจที่ไม่ต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาก็ให้ติดต่อกราบบังคมทูลต่อพระองค์แทน  นอกจากนี้ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จยังต่างประเทศ พระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2476 จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ พระองค์จึงพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ความสนพระทัยด้านต่างๆ

  • ด้านสถาปัตยกรรม ท่านโปรดทำแบบพระเมรุ การออกแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร และโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร
  • ด้านจิตกรรม ผลงาน ภาพเขียนรถพระอาทิตย์ที่เพดานพระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ภาพประกอบเรื่องธรรมาธรรมะสงคราม
  • ด้านออกแบบ ออกแบบตรากระทรวงต่างๆ อนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 องค์พระธรณีบีบมวยผมที่เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา พระบรมรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า และทรงออกแบบพระเมรุมาศ และพระเมรุของพระบรมวงศ์หลายพระองค์
  • ด้านวรรณกรรม มีทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น โคลงประกอบภาพจิตรกรรมภาพพระราชพงศาวดาร โคลงประกอบเรื่องรามเกียรติ์ ทรงพระนิพนธ์เมื่องานฉลองพระนครครบรอบร้อยปี ลายพระหัตถ์โต้ตอบประทานบุคคลต่างๆ เช่น จดหมายเวรโต้ตอบกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
  • ด้านดนตรีและวรรณกรรม ทรงนิพนธ์ เพลงสรรเสริญพระบารมี (คำร้อง) เพลงเขมรไทรโยค เพลงตับ เช่น ตับแม่ศรีทรงเครื่อง ตับเรื่องขอมดำดิน นิพนธ์บทละคร เช่น เรื่องสังข์ทอง ตอนทิ้งพวงมาลัย ตีคลี และตอนถอดรูป เรื่องคาวี ตอนเผาพระขรรค์ ชุบตัว และตอนหึง อิเหนา ตอนตัดดอกไม้ฉายกริช ไหว้พระ และตอนบวงสรวง เรื่องอิเหนา ตอน ตัดดอกไม้ฉายกริช ไหว้พระ และบวงสรวง เรื่องรามเกียรติ์ ตอนศูรปนขาตีสีดา เรื่องสังข์ศิลป์ชัย ภาคต้น ตั้งแต่พระสังข์ศิลป์ชัยตกเหวไปจนเห็นนิมิตว่ายังไม่ตาย และภาคปลายตั้งแต่ศรีสันท์เข้าเมืองจนถึงพระอินทร์มาช่วยสังข์ศิลป์ชัยขึ้นจากเหวได้ เป็นต้น

ใน พ.ศ. 2452 ทรงกราบบังคมลาออกจากราชการ เนื่องจากประชวร ด้วยโรคพระหทัยโต ทรงปลูกตำหนักอยู่ที่คลองเตย และเรียกตำหนักนี้ว่า บ้านปลายเนิน ครั้นเมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ และโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงทรงพ้นจากตำแหน่ง  ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนกรมขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ในบั้นปลายพระชนม์ทรงประทับที่บ้านปลายเนินจนสิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ ๑๐ มี.ค. 2490 พระชันษา 83 ปี  และทุกวันที่ 28 เม.ย. ของทุกปี จะเป็นวันครบรอบวันประสูติของพระองค์ จะมีงาน “วันนริศ” ณ ตำหนักปลายเนิน คลองเตย


แหล่งอ้างอิง

  • http://kwankamonaon.blogspot.com
  • https://hmong.in.th
  • https://th.wikipedia.org/

พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

พลเรือโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ประสูติ เมื่อ 25 ก.พ. 2388 เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านวม กรมหลวงวงศาธิราชสนิท มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าสาย สมรสกับ หม่อมเขียน (ศศิสมิต) มีบุตร-ธิดา 8 คน รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า เมื่อ พ.ศ. 2415 พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ทรงกำกับกรมหมอหลวง และทรงเป็นแพทย์ประจำพระองค์ ทรงบังคับการเรือกลไฟ และบังคับการทหารปืนแคตตริงกัน และได้เป็นผู้จัดการทำป้อมปากน้ำและจัดการทหารปืนปากน้ำ รวมถึงจัดการทหารในหัวเมืองตะวันออก ทรงเป็นเจ้าพนักงานใหญ่ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ รักษาการแทนผู้บัญชาการทหารเรือคนแรก ทรงเป็นผู้ได้รับสัมปทานขุดคลองทางตอนเหนือของพระนคร ในเขตท้องทุ่งหลวงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จากตำบลบ้านใหม่ วัดเทียนถวาย ปทุมธานี ไปถึงนครนายก ในนามบริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม ระหว่าง พ.ศ. 2433-2447 ได้รับพระราชทานชื่อว่า “คลองรังสิตประยูรศักดิ์” ตามพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกสั้นๆ ว่า “คลองเจ้าสาย”

พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ 13 ก.ย. 2455 ทายาทได้บริจาคตำหนักส่วนพระองค์ และที่ดินข้างเคียง ก่อตั้งเป็นโรงเรียนสำหรับสตรี ชื่อว่า โรงเรียนสายปัญญา



แหล่งอ้างอิง

  • https://www.facebook.com/snidvongs2559/
  • https://th.wikipedia.org/

เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ นามเดิม วร บุนนาค เกิดเมื่อ 2 ก.ค. 2371 เป็นบุตรชายคนโตของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กับท่านผู้หญิงกลิ่น บุนนาค ธิดาหลวงแก้วอายัติ (จาด) มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 65 คน ท่านเริ่มรับราชการตั้งแต่อายุ 14 ปี รัชสมัยรัชการที่ 3 ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าหมื่นไวยวรนารถ หัวหมื่นมหาดเล็ก และเป็นอุปทูตติดตามพระยาศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) ราชทูต ออกไปเจริญทางพระราชไมตรีที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2403 ต่อมาท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ จางวางมหาดเล็ก และเป็นราชทูต ไปฝรั่งเศสอีกครั้งใน พ.ศ. 2409 ต่อมาในรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เป็นเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ ดำรงตำแหน่งสมุหพระกลาโหม เป็นเวลา 19 ปี โดยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือวังหลวง ระหว่าง พ.ศ. 2412 – พ.ศ. 2430 (ผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 4) และท่านได้ดูแลตกแต่งเรือรบเรื่อพระที่นั่งกลไฟและเรืออื่นๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่านเป็นผู้ต่อเรือพระที่นั่ง สยามอรสุมพล ซึ่งเป็นเรือที่ใช้เครื่องจักรลำแรกของประเทศไทย โดยการนำเข้าเครื่องมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และโปรดให้เป็นผู้ดูแลราชการเรือกลไฟตลอดมา ท่านถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ 30 ต.ค. 2431 สิริอายุได้ 60 ปีเศษ

บุคคลทั่วไปออกนามเรียกเป็นการสามัญว่า “เจ้าคุณทหาร” หรือ “เจ้าคุณกลาโหม” และชื่อเรียกนี้ก็กลายมาเป็นชื่อของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในเวลาต่อมา



แหล่งอ้างอิง

  • https://th.wikipedia.org/
  • https://agrikmitlalumni.com/

กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มารดาคือเจ้าคุณจอมมารดาเอม ประสูติเมื่อ 6 ก.ย. 2381 เมื่อแรกประสูติ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามว่า ยอร์ชวอชิงตัน ตามชื่อของจอร์จ วอชิงตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรก คนทั่วไปออกพระนามว่า “ยอด” ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามให้ใหม่ว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ บวรราโชรสรัตนราชกุมาร และได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมที่ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เมื่อ พ.ศ. 2404 และได้รับพระราชทานอุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในวันที่ 25 พ.ย. 2411 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ วังหน้า องค์สุดท้ายในสมัยรัตนโกสินทร์ และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารเรือวังหน้า ระหว่าง พ.ศ. 2408 – พ.ศ. 2428 (ผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 3)

กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทรงมีความสามารถหลายด้าน ด้านนาฏกรรม ทรงพระปรีชา เล่นหุ่นไทย หุ่นจีน เชิดหนัง และงิ้ว ด้านการช่าง ทรงชำนาญเครื่องจักรกล ทรงต่อเรือกำปั่น ทรงทำแผนที่แบบสากล ทรงสนพระทัยในแร่ธาตุ ถึงกับทรงสร้างโรงถลุงแร่ไว้ในพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อ พ.ศ. 2426 ทรงได้รับประกาศนียบัตรจากฝรั่งเศส ในฐานะผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาช่าง

กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคตเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ส.ค. 2428 พระชันษา 48 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใด ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลว่างลง จนถึงปี พ.ศ. 2429 จึงทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นสยามมกุฎราชกุมาร และยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราช ตั้งแต่นั้นมา



แหล่งอ้างอิง

  • http://rama5.flexiplan.co.th/
  • https://wp-th.wikideck.com/

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)

⇑ รายนามผู้บัญชาการทหารเรือ

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นบุตรคนโตของสมเด็จพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) และท่านผู้หญิงจัน เกิดในช่วงปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อ 23 ธ.ค. 2351 มีพี่น้องรวม 9 คน สมรสกับท่านผู้หญิงกลิ่น มีบุตรและธิดารวมกัน 4 คน บรรพบุรุษของตระกูลบุนนาคเป็นเสนาบดีคนสำคัญ มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และได้รับราชการแผ่นดินสืบทอดต่อกันมา สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้รับการศึกษาและฝึกฝนวิชาการต่าง ๆ เป็นอย่างดี เนื่องจากบิดาของท่านเป็นเจ้าพระยาพระคลังเสนาบดีที่ว่าการต่างประเทศและว่าการปกครองหัวเมืองชายฝั่งทะเลมาก่อน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์มีความสนใจในภาษาอังกฤษ สามารถพูด และอ่านตำราภาษาอังกฤษในสมัยนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในสมัยรัชกาลที่ 2 และรับราชการมาโดยตลอดจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ซึ่งนับเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่ง “สมเด็จเจ้าพระยา” เป็นคนสุดท้าย และมีตำแหน่ง ราชกาลในระดับสูงคือ อัครมหาเสนาบดีที่สมุหกลาโหม ในสมัยรัชกาลที่ 4 และดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ แผ่นดินเมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 ยังทรงพระเยาว์


ในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ช่วยบิดาด้านทหารเรือ โดยที่เป็นผู้มีความสนใจเรียนรู้ในวิทยาการใหม่ๆ กับชาวตะวันตก จึงเรียนวิธีต่อกำปั่นแบบใหม่และเป็นนายช่างสยามที่สามารถต่อเรือฝรั่งแบบฝรั่งสำเร็จเป็นคนแรก ท่านได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า “เรือแกล้วกลางสมุทร” ต่อมา ในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ต่อเรือกลไฟเป็นเรือรบและเรือพาหนะของหลวงจำนวนหลายลำ เช่น เรือระบิลบัวแก้ว เรือแคลิโดเนีย ท่านได้รับการยกย่องจากกองทัพเรือเป็นผู้บัญชาการทหารเรือวังหลวงท่านแรกระหว่าง พ.ศ. 2394 – พ.ศ. 2412 (ผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 2) พร้อมๆ กับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้บัญชาการทหารเรือวังหน้า

ภายหลังจากที่ลาออกจากราชกาลในบั้นปลายชีวิต ท่านยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินจนถึงแก่พิราลัย ด้วยโรคลมบนเรือที่ปากคลองกระทุ่มแบน ราชบุรี รวมอายุ 74 ปี


แหล่งอ้างอิง

  • https://www.bsru.ac.th/
  • https://th.wikipedia.org/

Copyright © 2025 Seafarer Library

Theme by Anders NorenUp ↑