Category: Uncategorized

เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

กองทัพเรือไทยจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox มือสองจากกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ คือ ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือเดิมคือ FF-1095 USS Truett ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2537 และ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเดิมคือ FF-1077 USS Ouellet ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2539 ซึ่งเรือชุด ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทั้งสองลำนั้นเป็นเรือฟริเกตชั้น Knox รุ่นที่ติดตั้งระบบป้องกันตัวระยะประชิด CIWS แบบ Phalanx ขนาด 20mm ซึ่งเดิมทีนั้น กองทัพเรือมีความต้องการในการจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox จำนวน 4-6 ลำ ในช่วงก่อน ปี 2540 แต่ได้ปรับลดเหลือเพียง 2 ลำ โดยก่อนหน้านั้นกองทัพเรือต้องการจัดหาเรือพิฆาตชั้น Charles F. Adams มือสองจากสหรัฐฯ ซึ่งปลดประจำการในช่วงใกล้เคียงกัน เนื่องจากต้องการเรือที่มีแท่นยิง Mk13 สำหรับยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ RIM-66 Standard SM-1 แต่ทางสหรัฐฯได้เสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ซึ่งตัวเรือมีอายุการใช้งานน้อยกว่าให้กองทัพเรือแทน ทั้งนี้สหรัฐฯ ยังได้ปฏิเสธที่จะเสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ที่เป็นรุ่นติดตั้งแท่นยิง Mk25 สำหรับ RIM-7 Sea Sparrow ด้วย เหตุผลที่กองทัพเรือปลดประจำการ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ก่อน ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็เนื่องจากอายุการใช้งานตัวเรือโดยรวมที่มากกว่า เพราะเดิมนั้น FF-1077 USS Ouellet นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1970–1993 ซึ่งตัวเรือได้ผ่านการปรับปรุงตัวเรือใหม่มาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะส่งมอบให้กองทัพเรือไทยประจำการเป็น ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะที่ FF-1095 USS Truett นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1974–1994 และส่งมอบให้กองทัพเรือไทยแบบ Hot Transfer ในปีเดียวกันที่ปลดคือ พ.ศ.2537 ซึ่ง ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นั้นมีกำหนดจะปลดประจำการถัดไปในปี พ.ศ.2560


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 462
    • วางกระดูกงู 15 ม.ค. 2512
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 17 ม.ค. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการที่สหรัฐฯ 12 ธ.ค. 2513
    • ขึ้นระวางประจำการที่ไทย 13 พ.ย.2541
    • ปลดประจำการ 1 เม.ย.2558
    • ผู้สร้าง Avondale Shipyard, Bridge City, Louisiana สหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 134 เมตร (438 ฟุต)
    • ความกว้าง 14.25 เมตร (46 ฟุต 9 นิ้ว)
    • กินน้ำลึก 7.54 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 3,232 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 4,212 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 15 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 28 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 5,550 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • ลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ สำหรับ ฮ. Super Lynx 300 1 เครื่อง
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ AN/SPS-10
    • เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศ AN/SPS-40B
    • เรดาร์ควบคุมการยิง AN/SPG-53
    • เรดาร์เดินเรือ Marconi LN-66
    • โซนาร์หัวเรือ AN/SQS-26CX
    • โซนาร์ชักหย่อน AN/SQS-35 (V)
    • โซนาร์ลากท้าย AN/SQR-18A (V) 1
    • ระบบ ESM AN/SLQ-32 (V) 2
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่เรือ Mk.42 ขนาด 127 มม./54 คาลิเบอร์ จำนวน 1 กระบอก
    • ปืนกล .50 จำนวน 4 กระบอก
    • ระบบป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) 1 ระบบ
    • ระบบ ASROC ใช้ยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น สู่ พื้น ฮาร์พูน 4 ท่อยิง
    • ระบบ ASROC ใช้ยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ ได้ 4 ท่อยิง
    • แท่นยิง TORPEDO MK.32 ใช้ยิงTORPEDO MK.44 TORPEDO MK.46
    • แท่นยิงเป้าลวง Mk.137 2 แท่น แท่นละ 6 ท่อยิง
    • เป้าลวงตอร์ปิโด AN/SLQ-25 1 ชุด
    • ระบบยิงเป้าลวง Mk.36 SRBOC
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์แบบ เครื่องจักรไอน้ำ ขนาด 6 หม้อต้ม
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกันเรือ

แหล่งอ้างอิง

  • http://aagth1.blogspot.com
  • http://www.navy.mi.th/frigate1/
  • https://th.wikipedia.org

เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

กองทัพเรือไทยจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox มือสองจากกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ คือ ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือเดิมคือ FF-1095 USS Truett ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2537 และ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเดิมคือ FF-1077 USS Ouellet ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2539 ซึ่งเรือชุด ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทั้งสองลำนั้นเป็นเรือฟริเกตชั้น Knox รุ่นที่ติดตั้งระบบป้องกันตัวระยะประชิด CIWS แบบ Phalanx ขนาด 20mm ซึ่งเดิมทีนั้น กองทัพเรือมีความต้องการในการจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox จำนวน 4-6 ลำ ในช่วงก่อน ปี 2540 แต่ได้ปรับลดเหลือเพียง 2 ลำ โดยก่อนหน้านั้นกองทัพเรือต้องการจัดหาเรือพิฆาตชั้น Charles F. Adams มือสองจากสหรัฐฯ ซึ่งปลดประจำการในช่วงใกล้เคียงกัน เนื่องจากต้องการเรือที่มีแท่นยิง Mk13 สำหรับยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ RIM-66 Standard SM-1 แต่ทางสหรัฐฯได้เสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ซึ่งตัวเรือมีอายุการใช้งานน้อยกว่าให้กองทัพเรือแทน ทั้งนี้สหรัฐฯ ยังได้ปฏิเสธที่จะเสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ที่เป็นรุ่นติดตั้งแท่นยิง Mk25 สำหรับ RIM-7 Sea Sparrow ด้วย เหตุผลที่กองทัพเรือปลดประจำการ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ก่อน ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็เนื่องจากอายุการใช้งานตัวเรือโดยรวมที่มากกว่า เพราะเดิมนั้น FF-1077 USS Ouellet นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1970–1993 ซึ่งตัวเรือได้ผ่านการปรับปรุงตัวเรือใหม่มาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะส่งมอบให้กองทัพเรือไทยประจำการเป็น ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะที่ FF-1095 USS Truett นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1974–1994 และส่งมอบให้กองทัพเรือไทยแบบ Hot Transfer ในปีเดียวกันที่ปลดคือ พ.ศ.2537 ซึ่ง ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นั้นมีกำหนดจะปลดประจำการถัดไปในปี พ.ศ.2560


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 461
    • วางกระดูกงู 27 เม.ย. 2515
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 3 ก.พ. 2516
    • ขึ้นระวางประจำการที่สหรัฐฯ 1 พ.ค. 2517
    • ขึ้นระวางประจำการที่ไทย 30 ก.ค.2537
    • ปลดประจำการ 1 ต.ค. 2560
    • ผู้สร้าง Avondale Shipyard, Bridge City, Louisiana สหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 134 เมตร (438 ฟุต)
    • ความกว้าง 14.25 เมตร (46 ฟุต 9 นิ้ว)
    • กินน้ำลึก 7.54 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 3,232 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 4,212 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 15 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 28 นอต
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 5,550 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • ลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ สำหรับ ฮ. Super Lynx 300 1 เครื่อง
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ AN/SPS-10
    • เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศ AN/SPS-40B
    • เรดาร์ควบคุมการยิง AN/SPG-53
    • เรดาร์เดินเรือ Marconi LN-66
    • โซนาร์หัวเรือ AN/SQS-26CX
    • โซนาร์ชักหย่อน AN/SQS-35 (V)
    • โซนาร์ลากท้าย AN/SQR-18A (V) 1
    • ระบบ ESM AN/SLQ-32 (V) 2
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่เรือ Mk.42 ขนาด 127 มม./54 คาลิเบอร์ จำนวน 1 กระบอก
    • ปืนกล .50 จำนวน 4 กระบอก
    • ระบบป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) 1 ระบบ
    • ระบบ ASROC ใช้ยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น สู่ พื้น ฮาร์พูน 4 ท่อยิง
    • ระบบ ASROC ใช้ยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ ได้ 4 ท่อยิง
    • แท่นยิง TORPEDO MK.32 ใช้ยิงTORPEDO MK.44 TORPEDO MK.46
    • แท่นยิงเป้าลวง Mk.137 2 แท่น แท่นละ 6 ท่อยิง
    • เป้าลวงตอร์ปิโด AN/SLQ-25 1 ชุด
    • ระบบยิงเป้าลวง Mk.36 SRBOC
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์แบบ เครื่องจักรไอน้ำ ขนาด 6 หม้อต้ม
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://aagth1.blogspot.com
  • http://www.navy.mi.th/frigate1/
  • https://th.wikipedia.org

เรือหลวงนาคา

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

เรือหลวงนาคา LCS(L)(3)-102 เป็นเรือในชั้น LCS(L)(3) หรือ Landing Craft Support (Large)(Mark 3) เป็นเรือที่กองทัพเรือสหรัฐ ต่อขึ้นมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีหน้าที่สนับสนุนนาวิกโยธินในการยกพลขึ้นบก เรือ LCS(L)(3) ถูกต่อมาทั้งหมด 130 ลำ โดยแต่ละลำจะมีตัวเลขลำดับต่อท้าย โดยลำแรกชื่อว่า LCS(L)(3)-1 และลำสุดท้ายชื่อว่า LCS(L)(3)-130 ต่อมากองทัพเรือสหรัฐได้เปลี่ยนชื่อเรือเป็น LSSL หรือ Landing Ship Support, Large เรือลำนี้ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธินสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิก เช่นที่ Iwo Jima, Tarakan, Balikpapan และ Okinawa หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เรือถูกเก็บสำรองราชการ หลายลำถูกฟื้นสภาพนำกลับมาใช้ในสงครามเกาหลี และหลายลำถูกมอบให้กับประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ต่อมากองทัพเรือสหรัฐมอบให้กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นในวันที่ 30 เม.ย. 2496 และเปลี่ยนชื่อเป็น JMSDF Himawari และกองทัพเรือสหรัฐได้ขอคืน และมอบต่อให้กองทัพเรือไทยในปี พ.ศ. 2509 เมื่อวันพุธที่ 23 พ.ค. 2550 ทร.ไทย ได้ส่งมอบ เรือหลวงนาคา ตามความเห็นชอบของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อนำเรือไปเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ ทางประวัติศาสตร์ที่ Mare Island Naval Shipyard เมือง Vallejo มลรัฐ California ประเทศสหรัฐฯ ภายใต้ เงื่อนไขการคืนเรือจะกระทำในลักษณะตามสภาพที่เป็นอยู่ ณ ที่อยู่ปัจจุบัน (As is Where is) โดยให้ทางการสหรัฐฯ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด และคงชื่อ “H.T.M.S. NAKHA” ไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่ ประเทศไทย ณ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 751
    • วางกระดูกงู 13 มี.ค. 2488
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 3 ก.พ. 2488
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 17 ก.พ. 2488
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย 4 ต.ค. 2509
    • ปลดประจำการ 4 ต.ค. 2549
    • ผู้สร้าง อู่ต่อเรือ Commercial Iron Works เมือง Portland รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 48 เมตร
    • ความกว้าง 7.21 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.73 เมตร
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 16.50 นอต
    • ระวางขับน้ำปกติ 250 ตัน
    • ระวางขับน้ำเต็มที่ 387 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 5,500 ไมล์ ที่ 12 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 71 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน 76 มม. 1 กระบอก
    • ปืน 40 มม. แท่นคู่ 2 กระบอก
    • ปืนกล 20 มม. 4 กระบอก
    • แท่นปล่อยจรวด mk7 จำนวน 10 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง
ในแม่น้ำเจ้าพระยา
พิธีส่งมอบเรือคืนให้ สหรัฐอเมริกา

แหล่งอ้างอิง

  • https://en.wikipedia.org
  • http://www.manager.co.th

เรือหลวงสัตกูต

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

เรือหลวงสัตกูด เป็นเรือลำเลียงพลขึ้นบกขนาดเล็ก ของ ทร.ไทย ที่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ในปี 2490 โดยจัดอยู่ในชั้น LCI-351 ชื่อเดิมคือเรือ LCI-739 โดยในช่วงแรกของการประจำการนั้น ใช้หมายเลข 2 อยู่หลายสิบปี จนในระหว่าง 2530-2540 จึงได้เปลี่ยนเป็นหมายเลข 742 และได้รับการดัดแปลงอาวุธอีกหลายครั้ง เรือหลวงสัตกูด เข้าปฎิบัติภารกิจสำคัญ 3 ครั้ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ การรบหมู่เกาะปาเลา สมรภูมิเกาะอิโมจิว่า และสมรภูมิเกาะอิโกนาวา จากนั้นสหรัฐอเมริกาจึงได้ส่งมอบเรือลำนี้ให้กับประเทศไทยเมื่อปี 2490 โดยได้ชื่อว่าสัตกูด สังกัดอยู่ในกองทัพเรือยกพลขึ้นบก กองเรือยุทธการ เรือหลวงสัตกูดปลดระวางเมื่อปี 18 มิ.ย. 2554 จากนั้นได้นำไปเป็นปะการังเทียม ใกล้บริเวณไวท์ร็อค ณ บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีระยะห่างจากปะการัง 300 เมตร

คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 742
    • วางกระดูกงู 30 ม.ค. 2487
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 27 ก.พ. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 6 มี.ค. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย ไม่ระบุแน่ชัด
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2550
    • ผู้สร้าง อู่ต่อเรือ Commercial Iron Works, Portland, OR ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 48.46 เมตร
    • ความกว้าง 7.08 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.40 เมตร
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 15.5 นอต
    • ระวางขับน้ำปกติ 173 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 381 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 6,087 ไมล์ ที่ 12 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 62 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนกล 20/70 มม. 5 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 4 GM diesels, 4 per shaft, BHP 1,600 จำนวน 2 เครื่อง
    • ใบจักร 2 เพลา
จอดที่อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า , 8 ม.ค. 2549

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.navsource.org
  • http://www.saveoursea.net

เรือหลวงปราบ

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

สำหรับเรือหลวงปราบ นั้นเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็ก สามารถบรรทุกกำลังพลได้ 54 นาย เป็นเรือในชุด LCI-351 เดิมชื่อเรือ USS LCI(L)-670 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น LCI(M)-670 เป็นเรือที่กองทัพสหรัฐสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2487 ที่รัฐแมซซาชูเสท เคยเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศสระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-16 ก.ย. 2487 เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกาได้มอบเรือลำนี้แก่ไทยในปี พ.ศ. 2489 โดยได้รับชื่อใหม่ว่า “เรือหลวงปราบ” สังกัดกองเรือยกพลขึ้นบก กองเรือยุทธการ และได้ปลดระวางเมื่อปี พ.ศ.2449 ก่อนจะถูกนำมาวางใต้ท้องทะเล เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรือหลวงไทยใต้ท้องทะเล บริเวณเกาะง่ามน้อย จ.ชุมพร ในวันที่ 20 พ.ค. 2554


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 741
    • วางกระดูกงู 21 มี.ค. 2487
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 28 มี.ค. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 4 เม.ย. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย ไม่ระบุแน่ชัด
    • ปลดประจำการ ไม่ระบุแน่ชัด
    • ผู้สร้าง อู่ต่อเรือ George Lawley & Sons, Neponset, MA ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 48.46 เมตร
    • ความกว้าง 7.08 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.40 เมตร
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 15.5 นอต
    • ระวางขับน้ำปกติ 173 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 381 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 6,087 ไมล์ ที่ 12 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 62 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนกล 20/70 มม. 5 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 4 GM diesels, 4 per shaft, BHP 1,600 จำนวน 2 เครื่อง
    • ใบจักร 2 เพลา
การยกพลขึ้นบกที่ Formta ประเทศอิตาลี เมื่อ 31 ก.ค. 2487

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.navsource.org
  • http://www.saveoursea.net
  • https://km.dmcr.go.th

เรือหลวงลิ่วลม

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงลิ่วลม เดิมชื่อ PC-1253 เป็นเรือในชั้น PC-461 ของ ทร.สหรัฐฯ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาตามโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามโครงการ เงินกู้สำหรับซื้อของเหลือใช้สงครามของ ทร.ไทย โดยในโครงการได้จัดหาเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นนี้มาเป็น 3 ระยะ รวมจำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย ระยะแรกได้แก่ เรือหลวงสารสินธุ เรือหลวงทยานชล และเรือหลวงคำรณสินธุ ระยะที่สองได้แก่ เรือหลวงพาลี และเรือหลวงสุครีพ ระยะที่สามได้แก่ เรือหลวงตองปลิว เรือหลวงลิ่วลม และเรือหลวงล่องลม


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • ประเภท เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
    • หมายเลข 7
    • วางกระดูกงู 11 มิ.ย. 2485
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 14 ต.ค. 2485
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 1 เม.ย. 2486
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย 16 ก.ย. 2495
    • ปลดระวาง 1 เม.ย. 2537
    • ผู้สร้าง บริษัท Brown Shipbuilding Co., Houston, TX ประเทศ สหรัฐ ฯ
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 52 เมตร
    • ความกว้าง 7 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.20 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 228 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 335 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 20.20 นอต
    • กำลังพล 65 นาย
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ความเร็วมัธยัสถ์
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน 76/50 จำนวน 1 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. 1 กระบอก
    • ปืน 20 มม. 5 กระบอก
    • K Gun จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิง Mousetrap จำนวน 2 แท่น
    • รางปล่อยระเบิดลึก จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิงตอร์ปิโด MK-32 MOD 3 (ท่อเดี่ยว) จำนวน 2 ท่อยิง
    • ภายหลังปรับเป็นเรือตรวจการณ์ปืน อาวุธคงเหลือ ปืน 76/50 ปืน 40/60 ปืน GAM-BO ปืน 20 มม.
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2,880 แรงม้า Fairbanks Morse 38D8 1/8 diesel engines, Westinghouse reduction gear
    • ใบจักรคู่
สะพานเดินเรือ

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.thaifighterclub.org
  • http://www.navsource.org
  • https://uboat.net/
  • http://www.wings-aviation.ch

เรือหลวงตองปลิว

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงตองปลิว เดิมชื่อ PC-616 เป็นเรือในชั้น PC-461 ของ ทร.สหรัฐฯ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาตามโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามโครงการ เงินกู้สำหรับซื้อของเหลือใช้สงครามของ ทร.ไทย โดยในโครงการได้จัดหาเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นนี้มาเป็น 3 ระยะ รวมจำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย ระยะแรกได้แก่ เรือหลวงสารสินธุ เรือหลวงทยานชล และเรือหลวงคำรณสินธุ ระยะที่สองได้แก่ เรือหลวงพาลี และเรือหลวงสุครีพ ระยะที่สามได้แก่ เรือหลวงตองปลิว เรือหลวงลิ่วลม และเรือหลวงล่องลม


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • ประเภท เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
    • หมายเลข 6
    • วางกระดูกงู 27 ก.พ. 2485
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 4 ก.ค. 2485
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 19 ส.ค. 2485
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย 16 ก.ย. 2495
    • ปลดระวาง 1 เม.ย. 2537
    • ผู้สร้าง บริษัท George Lawley and Sons, Inc., Neponset, MA ประเทศ สหรัฐ ฯ
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 52 เมตร
    • ความกว้าง 7 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.20 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 228 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 335 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 20.20 นอต
    • กำลังพล 65 นาย
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ความเร็วมัธยัสถ์
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน 76/50 จำนวน 1 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. 1 กระบอก
    • ปืน 20 มม. 5 กระบอก
    • K Gun จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิง Mousetrap จำนวน 2 แท่น
    • รางปล่อยระเบิดลึก จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิงตอร์ปิโด MK-32 MOD 3 (ท่อเดี่ยว) จำนวน 2 ท่อยิง
    • ภายหลังปรับเป็นเรือตรวจการณ์ปืน อาวุธคงเหลือ ปืน 76/50 ปืน 40/60 ปืน GAM-BO ปืน 20 มม.
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1,440 แรงม้า Hooven Owen Rentschler, Westinghouse simgle reduction gear
    • ใบจักรคู่

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.thaifighterclub.org
  • http://www.navsource.org
  • https://uboat.net/
  • http://www.wings-aviation.ch

เรือหลวงสุครีพ

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงสุครีพ เดิมชื่อ PC-1218 เป็นเรือในชั้น PC-461 ของ ทร.สหรัฐฯ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาตามโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามโครงการ เงินกู้สำหรับซื้อของเหลือใช้สงครามของ ทร.ไทย โดยในโครงการได้จัดหาเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นนี้มาเป็น 3 ระยะ รวมจำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย ระยะแรกได้แก่ เรือหลวงสารสินธุ เรือหลวงทยานชล และเรือหลวงคำรณสินธุ ระยะที่สองได้แก่ เรือหลวงพาลี และเรือหลวงสุครีพ ระยะที่สามได้แก่ เรือหลวงตองปลิว เรือหลวงลิ่วลม และเรือหลวงล่องลม


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • ประเภท เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
    • หมายเลข 5
    • วางกระดูกงู 2 ก.ค. 2486
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 24 ต.ค. 2486
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 29 พ.ค. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย 16 ก.ย. 2495
    • ปลดระวาง 1 เม.ย. 2537
    • ผู้สร้าง บริษัท Luders Marine Construction Co., Stamford, CT ประเทศ สหรัฐ ฯ
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 52 เมตร
    • ความกว้าง 7 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.20 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 228 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 480 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 20.20 นอต
    • กำลังพล 65 นาย
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ความเร็วมัธยัสถ์
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน 76/50 จำนวน 1 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. 1 กระบอก
    • ปืน 20 มม. 5 กระบอก
    • K Gun จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิง Mousetrap จำนวน 2 แท่น
    • รางปล่อยระเบิดลึก จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิงตอร์ปิโด MK-32 MOD 3 (ท่อเดี่ยว) จำนวน 2 ท่อยิง
    • ภายหลังปรับเป็นเรือตรวจการณ์ปืน อาวุธคงเหลือ ปืน 76/50 ปืน 40/60 ปืน GAM-BO ปืน 20 มม.
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1,480 แรงม้า Hooven Owen Rentschler, Westinghouse simgle reduction gear
    • ใบจักรคู่

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.thaifighterclub.org
  • http://www.navsource.org
  • https://uboat.net/
  • http://www.wings-aviation.ch

เรือหลวงพาลี

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงพาลี เดิมชื่อ PC-1185 เป็นเรือในชั้น PC-461 ของ ทร.สหรัฐฯ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาตามโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามโครงการ เงินกู้สำหรับซื้อของเหลือใช้สงครามของ ทร.ไทย โดยในโครงการได้จัดหาเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นนี้มาเป็น 3 ระยะ รวมจำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย ระยะแรกได้แก่ เรือหลวงสารสินธุ เรือหลวงทยานชล และเรือหลวงคำรณสินธุ ระยะที่สองได้แก่ เรือหลวงพาลี และเรือหลวงสุครีพ ระยะที่สามได้แก่ เรือหลวงตองปลิว เรือหลวงลิ่วลม และเรือหลวงล่องลม


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • ประเภท เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
    • หมายเลข 4
    • วางกระดูกงู 26 มี.ค.2486
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 27 ส.ค. 2486
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 24 เม.ย. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย 16 ก.ย. 2495
    • ปลดระวาง 30 ก.ย. 2535
    • ผู้สร้าง บริษัท Gibbs Gas Engine Co., Jacksonville, FL ประเทศ สหรัฐ ฯ
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 52 เมตร
    • ความกว้าง 7 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.20 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 228 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 480 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 20.20 นอต
    • กำลังพล 65 นาย
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ความเร็วมัธยัสถ์
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน 76/50 จำนวน 1 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. 1 กระบอก
    • ปืน 20 มม. 5 กระบอก
    • K Gun จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิง Mousetrap จำนวน 2 แท่น
    • รางปล่อยระเบิดลึก จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิงตอร์ปิโด MK-32 MOD 3 (ท่อเดี่ยว) จำนวน 2 ท่อยิง
    • ภายหลังปรับเป็นเรือตรวจการณ์ปืน อาวุธคงเหลือ ปืน 76/50 ปืน 40/60 ปืน GAM-BO ปืน 20 มม.
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2,560 แรงม้า Hooven Owen Rentschler, Westinghouse simgle reduction gear
    • ใบจักรคู่
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.thaifighterclub.org
  • http://www.navsource.org
  • https://uboat.net/
  • http://www.wings-aviation.ch

เรือหลวงล่องลม(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงล่องลม เดิมชื่อ PC-570 เป็นเรือในชั้น PC-461 ของ ทร.สหรัฐฯ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาตามโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามโครงการ เงินกู้สำหรับซื้อของเหลือใช้สงครามของ ทร.ไทย โดยในโครงการได้จัดหาเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นนี้มาเป็น 3 ระยะ รวมจำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย ระยะแรกได้แก่ เรือหลวงสารสินธุ เรือหลวงทยานชล และเรือหลวงคำรณสินธุ ระยะที่สองได้แก่ เรือหลวงพาลี และเรือหลวงสุครีพ ระยะที่สามได้แก่ เรือหลวงตองปลิว เรือหลวงลิ่วลม และเรือหลวงล่องลม


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • ประเภท เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
    • หมายเลข 8
    • วางกระดูกงู 11 ก.ย. 2484
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 5 ม.ค. 2485
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.สหรัฐฯ 18 เม.ย. 2485
    • ขึ้นระวางประจำการ ทร.ไทย 5 มิ.ย. 2496
    • ปลดระวาง 2 ก.พ. 2527
    • ผู้สร้าง บริษัท Albina Engine and Machinery Works, Portland, OR ประเทศ สหรัฐ ฯ
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 52 เมตร
    • ความกว้าง 7 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.20 เมตร
    • ระวางขับน้ำปกติ 228 ตัน
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 335 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 20.20 นอต
    • กำลังพล 65 นาย
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ความเร็วมัธยัสถ์
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน 76/50 จำนวน 1 กระบอก
    • ปืน 40/60 มม. 1 กระบอก
    • ปืน 20 มม. 5 กระบอก
    • K Gun จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิง Mousetrap จำนวน 2 แท่น
    • รางปล่อยระเบิดลึก จำนวน 2 แท่น
    • แท่นยิงตอร์ปิโด MK-32 MOD 3 (ท่อเดี่ยว) จำนวน 2 ท่อยิง
    • ภายหลังปรับเป็นเรือตรวจการณ์ปืน อาวุธคงเหลือ ปืน 76/50 ปืน 40/60 ปืน GAM-BO ปืน 20 มม.
  • ระบบขับเคลื่อน
    • เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1,440 แรงม้า Fairbanks Morse 38D8 1/8 diesel engines, Westinghouse reduction gear
    • ใบจักรคู่

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.thaifighterclub.org
  • http://www.navsource.org
  • https://uboat.net/
  • http://www.wings-aviation.ch

Copyright © 2025 Seafarer Library

Theme by Anders NorenUp ↑