Category: Uncategorized

เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.112

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

กองทัพเรือได้ดำเนินโครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ จำนวน 3 ลำ พร้อมระบบสื่อสาร อาวุธ ระบบอื่น ๆ รวมทั้งการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการลาดตระเวน ป้องกันการแทรกซึมในทะเล รักษากฎหมายในทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กองทัพเรือได้รับมอบหมาย นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นการชดเชยเรือเก่าที่ปลดระวาง และเพิ่มจำนวนในการสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลและชายฝั่งในการสนองภารกิจ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกองทัพเรือได้ว่าจ้างบริษัท มาร์ซัน จำกัด เป็นผู้ออกแบบและต่อเรือ ซึ่งเรือทั้ง 3 ลำ ตั้งชื่อว่า “เรือ ต.111”, “เรือ ต.112” และ “เรือ ต.113”

เรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ ซึ่งใช้แบบจากเรือ Crew Boat ซึ่งใช้กันในภารกิจของเอกชน นอกจากจะมีขีดความสามารถทั่วไปแล้ว ยังมีขีดความสามารถในการสนับสนุนการขนส่งทางธุรการชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเรือยางท้องไฟเบอร์กลาสความเร็วสูง (RIB) อย่างน้อย 1 ชุด ปฏิบัติการพิเศษ, ลำเลียงอุปกรณ์สนับสนุนหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยาน และรักษาฝั่ง ตามพื้นที่ชายฝั่งและเกาะต่าง ๆ ลำเลียงอุปกรณ์ปรับความดันบรรยากาศของกองทัพเรือ สนับสนุนการปฏิบัติการด้านการแพทย์ให้กับกองเรือในทะเล สิ่งที่พิเศษสำหรับเรือสนับสนุนปฏิบัติการทางเรือคือ พื้นที่ดาดฟ้าเรือขนาด 93 ตารางเมตร โดยเป็นพื้นที่โล่งมากถึง 63 ตารางเมตร สามารถบรรทุกน้ำหนักบนดาดฟ้าเรือได้ 50 ตัน หรือติดตั้งระบบขีปนาวุธนำวิถี หรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 2 ตู้

ภารกิจของหน่วย

เพื่อใช้ในการลาดตระเวน ป้องกันการแทรกซึมในทะเล คุ้มครองเรือประมงและเรือพาณิชย์ ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน รักษากฎหมายในทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กองทัพเรือได้รับมอบหมาย และการถวายความปลอดภัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติการ ทางเรือสาขาต่าง ๆ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลและชายฝั่ง


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 112
    • วางกระดูกงู 22 มิ.ย.2555
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 13 มี.ค.2557
    • ขึ้นระวางประจำการ 28 มี.ค.2557
    • ผู้สร้าง บริษัท มาร์ซัน จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 36 เมตร
    • ความกว้าง 7.60 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 27 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 150 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,200 ไมล์
    • ความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 5
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 10 วัน
    • กำลังพลประจำเรือ 28 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno 2 ชุด
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Denel Land Systems GI-2 ขนาด 20 มม./93 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล U.S. Ordnance M2HB ขนาด .50 แท่นเดี่ยว 2 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Cummins K50-M กำลัง 1,600 แรงม้า 3 เครื่อง
    • เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล กำลังไฟฟ้า 112 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 3 เพลา ใบจักรแบบมุมตายตัว
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://thainews.prd.go.th/
  • https://th.wikipedia.org
  • https://sites.google.com/site/vichayasan1812

เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.995

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

การสร้างเรือ ต.995 ต.996 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.994 เฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ตามแนวพระราชดำริในการพึ่งพาตนเองอย่างพอเพียง โดยต่อยอดมาจากการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุด ต.991 ซึ่งกรมอู่ทหารเรือได้ดำเนินการพัฒนาแบบเรือให้มีคุณลักษณะที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการพิจารณา จากปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ส่วน นำมาวิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขจนสามารถทำให้การพัฒนาเรือนั้น มีคุณลักษณะที่เหมาะสม และตอบสนองต่อภารกิจได้ดีขึ้น มีวงเงินในโครงการรวม 1,603 ล้านบาท โดยการดำเนินการในช่วงแรก เป็นการเตรียมการสร้างเรือ กำหนดคุณลักษณะเฉพาะ และออกแบบเรือรวมทั้งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นขั้นตอนตามระเบียบ ซึ่งในการออกแบบเรือนั้น ได้ขยายจากแบบ เรือ ต.991 ขึ้นประมาณร้อยละ 8 แต่ยังคงคุณลักษณะอุปกรณ์หลักและรูปแบบลายเส้นตัวเรือ มีรายการอุปกรณ์ประจำเรือส่วนใหญ่เหมือนกับเรือชุดเรือ ต. 991 โดยมีการปรับปรุงขนาดอุปกรณ์และตำแหน่งการติดตั้งให้เหมาะสมกับการใช้งานและขนาดของเรือ มีกำหนดส่งมอบเรือภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 โดยเรือ ต. 995 และ เรือ ต.996 กองทัพเรือ ได้ว่าจ้างบริษัท มาร์ซัน จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ ต่อตามแบบของกองทัพเรือ

ภารกิจของหน่วย

ลาดตระเวน การคุ้มครองรักษาอธิปไตย ป้องกันการแทรกซึม คุ้มครองเรือประมง ตลอดจน ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมถึง ถวายความปลอดภัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 995
    • วางกระดูกงู 5 เม.ย.2553
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 13 ก.ค.2554
    • ขึ้นระวางประจำการ 26 ก.ย. 2554
    • ผู้สร้าง บริษัท มาร์ซัน จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 41.45 เมตร
    • ความกว้าง 7.20 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.90 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 29.30 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 223 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 2,055 ไมล์ ที่ 12 นอต
    • ความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 3
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 7 วัน
    • กำลังพลประจำเรือ 31 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • Sperry Marine BridgeMaster E
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
    • ระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales Mirador
  • ระบบอาวุธ
    • ระบบเครื่องควบคุมการยิง (Fire Control System) 1 ระบบ – MIRADOR (Thales Nederland BV)
    • ปืนกล 30 มิลลิเมตร 1 กระบอก – SEAHAWK DS-30M R (MSI-Defense Systems)
    • ปืนกล .50 นิ้ว อัตโนมัติ 1 กระบอก – Naval Turret (Oto Melara)
    • ปืนกล .50 นิ้ว 2 กระบอก
  • ระบบสื่อสาร
    • Hagenuk Marinekommunikation
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ ตราอักษร MTU รุ่น 16 V 4000 M90 ขนาด 2,720 kW จำนวน 2 เครื่อง
    • เกียร์ทด ตราอักษร ZF รุ่น ZF 7550 จำนวน 2 ชุด
    • เพลาใบจักรและใบจักร ตราอักษร Wartsila จำนวน 2 ชุด
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.dockyard.navy.mi.th
  • http://www.navy.mi.th/replenishment/
  • http://www.thaiarmedforce.com

เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.992

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

กองทัพเรือได้รับอนุมัติจากกระทรวงกลาโหม ให้ดำเนินโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดใหม่เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2546 เพื่อทดแทนเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.11 และรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินโครงการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งพร้อมกัน 3 ลำ ในวงเงินรวมประมาณ 1,912 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการรวม 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 – 2550 เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550

โครงการจัดสร้างเรือตรวจเรือใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นโครงการของกองทัพเรือไทย ที่ต่อยอดมาจากโครงการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต.91 – ต.99 ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีจุดเริ่มต้นจากพระราชกระแสรับสั่งแก่ผู้บังคับหมู่เรือรักษาการณ์วังไกลกังวล และผู้เข้าเฝ้าฯ ณ วังไกลกังวล เกี่ยวกับการใช้เรือของกองทัพเรือ ในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2545 ความว่า ” เรือรบขนาดใหญ่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานสูง กองทัพเรือจึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสม และสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้นและสร้างเพิ่มเติม ” กับทั้งได้มีพระราชดำรัสในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงโดยได้ทรงยกตัวอย่างจากการพึ่งพาตนเองในโครงการต่อ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ในอดีตของกองทัพเรือ ในช่วงเวลานั้น กองทัพเรือได้มีแผนปลดประจำการ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.11 ที่ได้รับความช่วยเหลือจาก สหรัฐอเมริกา เนื่องจากใช้งานมานานประมาณ 40 ปีแล้ว กองทัพเรือจึงได้นำพระราชดำริฯ มาดำเนินการพัฒนาแบบเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดใหม่ ให้มีคุณสมบัติครบถ้วน และสอดคล้องกับแนวพระราชดำรัสดังกล่าว

การดำเนินการสร้าง

การดำเนินการต่อเรือใหม่ครั้งนี้มี 3 กองในกรมอู่ทหารเรือรับหน้าที่ในการออกแบบคือ กองออกแบบฝ่ายตัวเรือ คือปรับปรุงเรือและต่อโครงสร้างเรือ กองออกแบบกลจักร และกองออกแบบไฟฟ้า เรือที่ทำการต่อนี้ได้พัฒนาแบบมาจากแบบเรือ ต.99 โดยทำการขยายแบบไปทุกมิติประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และนำแบบไปทดลองแบบจำลองเรือที่สถาบัน ฮัมบวร์ก ชิพ โมเดล เบซิน ประเทศเยอรมนี ว่าจากความเร็วที่เราต้องการคือ 27 น็อต ต้องใช้เครื่องขนาดกี่แรงม้า จากนั้นทางสถาบันจะนำไปทดลองหาค่าให้ว่าเรือต้องใช้ขนาดเครื่องยนต์เท่าใด เราก็จะนำมาปรับแต่งเรือให้ทนต่อความสูงของคลื่นที่ความสูงประมาณ 0.5-1 เมตร สำหรับ การจัดสร้างเรือ ต.992 ต.993 นั้น กองทัพเรือได้เปิดให้บริษัทอู่เรือเอกชนที่ผ่านมาตรฐานรับรองระบบควบคุมคุณภาพไอเอสโอ 9001:2000 และผ่านการตรวจสอบ และรับรองจากสมาคมต่อเรือและซ่อมเรือประกวดราคาแข่งขัน และได้ผู้ชนะคือบริษัท มาร์ซัน จำกัด รับหน้าที่ต่อเรือต่อไป

ภารกิจของหน่วย

ลาดตระเวนชายฝั่ง ป้องกันการแทรกซึม คุ้มครองเรือประมง ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ตลอดจนถวายการรักษาความปลอดภัยแด่พระบรมวงศ์ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 992
    • วางกระดูกงู 22 มี.ค. 2549
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 6 ก.ย. 2550
    • ขึ้นระวางประจำการ 27 พ.ย.2550
    • ผู้สร้าง บริษัท มาร์ซัน จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 38.70 เมตร
    • ความกว้าง 6.49 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.80 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 29 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 185 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,500 ไมล์
    • ความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 3
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 7 วัน
    • กำลังพลประจำเรือ 29 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Sperry Marine BridgeMaster E
    • เรดาร์เดินเรือ Furuno
    • ระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales Mirador
  • ระบบอาวุธ
    • ระบบเครื่องควบคุมการยิง (Fire Control System) 1 ระบบ – MIRADOR (Thales Nederland BV)
    • ปืนใหญ่ กล MSI-DSL/ATK DS30MR Mk 44 ขนาด 30 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว 2 แท่น
    • ปืนกล U.S. Ordnance M2HB ขนาด .50 แท่นเดี่ยว 2 แท่น
  • ระบบสื่อสาร
    • Hagenuk Marinekommunikation
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ ตราอักษร MTU รุ่น 16 V 4000 M90 ขนาด 2,720 kW จำนวน 2 เครื่อง
    • เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล MTU กำลังไฟฟ้า 140 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง
    • เกียร์ทด ตราอักษร ZF รุ่น ZF 7550 จำนวน 2 ชุด
    • เพลาใบจักรและใบจักร ตราอักษร Wartsila จำนวน 2 ชุด
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.thaipr.net/
  • http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman
  • http://oldwebsite.ohm.go.th/
  • https://sites.google.com/site/vichayasan1812

เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

โครงการสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 เป็นโครงการที่กองทัพเรือ ขออนุมัติกระทรวงกลาโหมดำเนินการต่อขึ้นจากแบบเรือที่กองทัพเรือมีใช้ราชการ ด้วยการน้อมนำและยึดถือการพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของ ในหลวง ร.9 ที่ทรงรับสั่งแก่ผู้บังคับหมู่เรือรักษาการณ์วังไกลกังวล และผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ณ วังไกลกังวล เกี่ยวกับการใช้เรือของกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.45 ที่ว่า “เรือรบ ขนาดใหญ่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานสูง กองทัพเรือจึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้นและสร้างเพิ่มเติม” ซึ่งกองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแบบเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งที่กองทัพเรือมีใช้ในราชการ โดยมีมติให้ใช้แบบเรือของเรือหลวงกระบี่ ที่กองทัพเรือได้ต่อขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.9 ในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมพรรษา 84 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.54 เป็นแบบพื้นฐานในการสร้าง พร้อมกับเสนอแนะให้ปรับปรุงข้อบกพร่องในส่วนต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี และเรือหลวงกระบี่ เพื่อให้เรือลำใหม่มีคุณลักษณะที่เหมาะสมมากขึ้นในการตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือ โดยกองทัพเรืออนุมัติให้โครงการสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 เป็นโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติ โดยการสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากำลังรบตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษากฎหมายในทะเล และการปฏิบัติการรบผิวน้ำ รวมทั้งการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล และสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรืออื่น ๆ

การดำเนินการสร้าง

โครงการสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 เฉลิมพระเกียรติฯ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 – 2561 แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 เป็นการจัดหาเฉพาะระบบตัวเรือ จำนวน 1 ลำ ประกอบด้วยแบบและพัสดุในการสร้างเรือ พร้อมระบบสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงรวมและการบริการทางด้านเทคนิค ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 – 2561 ระยะที่ 2 การจัดหาระบบควบคุมบังคับบัญชาและตรวจการณ์ และระบบอาวุธ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ.2559 – 2561 ดำเนินการสร้างเรือ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กองทัพเรือได้ใช้ศักยภาพและความรู้ความสามารถของกำลังพลกองทัพเรือในการดำเนินการติดตั้งทดสอบ ทั้งตัวเรือโดยกรมอู่ทหารเรือ ระบบอาวุธ โดยกรมสรรพาวุธทหารเรือ และ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ แม้ว่าจะใช้แบบเรือของต่างประเทศ แต่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างเรือขนาดใหญ่ด้วยการพึ่งพาตนเอง กล่าวคือ กองทัพเรือได้ลงนามในสัญญาซื้อขายแบบเรือและพัสดุจากประเทศอังกฤษ ส่วนการบริการทางเทคนิคในการติดตั้งการเชื่อมต่อการทดสอบ ทดลองอุปกรณ์ ตลอดจนการสร้างเรือในสาขาต่างๆนั้น ได้ลงนามกับ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในส่วนของกองทัพเรือ

ทั้งนี้ ในส่วนของความแตกต่างระหว่าง เรือหลวงกระบี่ กับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 คือ ได้เพิ่มขีดความสามารถของดาดฟ้าบิน ให้สามารถจอดเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบซีฮอว์คได้ การติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นแบบฮาร์พูน รวมถึงการปรับปรุงห้องต่างๆ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดย ในส่วนของการต่อเรือนั้น ใช้การต่อแบบ Block Construction แทนการต่อแบบเดิมที่ต้องเริ่มจากการวางกระดูกงูเรือ โดยประกอบ 17 บล็อคใหญ่ 31 บล็อคย่อย ให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยนำมาประกอบ ในอู่แห้ง

ความแตกต่างจาก เรือหลวงกระบี่ 3 รายการ

  1. ขยายลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ด้วยการลดขนาดความยาวของ Superstructure และออกแบบโครงสร้างให้สามารถรองรับ ฮ. แบบ Seahawk ได้
  2. ออกแบบโครงสร้าง Superstructure (ด้านหลังปล่องควัน) ให้สามารถรองรับการติดตั้งอาวุธปล่อยพื้นสู่พื้น (SSM) Harpoon ได้
  3. ปรับฐานแท่นเครื่องจักรใหญ่ และระบบที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถรองรับเครื่องจักรใหญ่ Man รุ่นใหม่ได้ (Man16V28/33DSTC7,200Kw)

คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 552
    • วางกระดูกงู 23 มิ.ย. 2560
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 2 ส.ค. 2562
    • ขึ้นระวางประจำการ 27 ก.ย.2562
    • ผู้สร้าง อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 90.50 เมตร
    • ความกว้าง 13.50 เมตร
    • กินน้ำลึก 3.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 23 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 1,960 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,500 ไมล์ ที่ 15 นอต
    • ความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 5
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 14 วัน
    • กำลังพลประจำเรือ 99 นาย
    • รองรับกำลังพลปฏิบัติการทางอากาศได้ 16 นาย
    • ลาน ฮ. รับน้ำหนักได้ 11.5 ตัน
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์ 2D Thales Variant
    • เรดาร์ควบคุมการยิง STIR 1.2 EO MKII
    • กล้องตรวจการณ์ระยะไกล WESCAM MX10-MS
    • ระบบเรดาร์ ESM VIGILE Mk2 Tactical multi-purpose R-ESM
    • รดาร์เดินเรือ Northrop Grumman Sperry Marine และ Furuno
    • Thales TSฺB 2525 (IFF)
  • ระบบสื่อสาร
    • ระบบรวมการสื่อสาร 1 ระบบ
    • ระบบลิ้ง link Y Mk2 + link RTN
    • สื่อสารใต้น้ำ Aquacom
    • เรดาร์นำทาง Thales Scout
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนหลัก OTO Melara 76/62 มม. รุ่น Multi Fleeding Valcano Super rapid จำนวน 1 กระบอก
    • ปืนกล 30 มม. แท่นเดี่ยว รุ่น Seahawk MSI DS30MR จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล .50 นิ้ว M2 จำนวน 2 กระบอก
    • อาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น Harpoon block2 แบบ Advanced Harpoon Weapon Control System จำนวน 2 แท่น แท่นละ 4 ท่อยิง
    • เครื่องยิงเป้าลวง (Decoy Launcher) SKWS DL-12T จำนวน 2 แท่น
    • เครื่องขยายเสียงระยะไกล (LRAD 500 X)
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ MAN Diesel 16V 23/33D 2 เครื่อง
    • ใบจักร แบบ CPP 2 พวง
    • เครื่องไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง
  • เรือในชุดเดียวกัน
พิธีปล่อยเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ลงน้ำ

แหล่งอ้างอิง

  • https://www.thairath.co.th
  • http://navy24.org
  • https://www.khaosod.co.th
  • http://www.rtni.org
  • https://thaidefense-news.blogspot.com
  • https://www.defnetofficial.com

เรือหลวงพระยม(ลำที่ 2)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือหลวงพระยม เป็นเรือลากจูง ต่อด้วยไม้ โดยกรมยุทธโยธาทหารเรือ เมื่อ พ.ศ.2469 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น เรือหลวงจวง เมื่อ 20 ม.ค. 2478


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • ประเภท เรือลากจูง(ตัวเรือเป็นไม้)
    • ขึ้นระวางประจำการ 9 มิ.ย. 2469
    • ปลดประจำการ 20 ธ.ค. 2503
    • ผู้สร้าง กรมอู่ทหารเรือ (เดิมเรียกกรมยุทธโยธาทหารเรือ)
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 35.55 เมตร
    • ความกว้าง 5.49 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.85 เมตร
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 6 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 9 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 140.18 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด ที่ 9 นอต 1,463 ไมล์ และ ที่ 6 นอต 1,953 ไมล์
    • กำลังพลประจำเรือ 27 นาย
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรไอน้ำชนิดข้อเสือข้อต่อ 2 สูบ จำนวน 1 เครื่อง กำลัง 225 แรงม้า
    • เพลาใบจักร 1 เพลา

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.navy.mi.th

เรือหลวงดอนเจดีย์

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ทร.ไทยได้รับมอบเรือกวาดทุ่นระเบิดจำนวน 4 ลำ จาก ทร.สหรัฐ ฯ ตามข้อตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือทางทหาร ซึ่งประกอบด้วย เรือหลวงลาดหญ้า(MSC-297) เรือหลวงท่าดินแดง(MSC-301) เรือหลวงบางแก้ว(MSC-303) และเรือหลวงดอนเจดีย์(MSC-313) ในช่วงปีระหว่าง พ.ศ. 2506 – 2508 ซึ่งเรือทั้งหมดเป็นเรือในชุด MSC-294 class ของ ทร.สหรัฐ ฯ (เรือในชุดมีหมายเลขตั้งแต่ MSC-294 ถึง MSC-325)โดย ทร.ไทยในขณะนั้น ได้กำหนดให้หมายเลขเรือหลวงดอนเจดีย์ เป็นหมายเลข 8 และ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นหมายเลย 613 ตามลำดับ


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 613
    • สร้างเสร็จ 28 ส.ค. 2508
    • ขึ้นระวางประจำการ 17 ก.ย. 2508
    • ปลดประจำการ พ.ศ. 2556 ถึง 2560(ไม่ทราบแน่ชัด)
    • ผู้สร้าง บริษัท Peterson Builders Inc., Sturgeon Bay, WI สหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 43.50 เมตร
    • ความกว้าง 8.10 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.70 เมตร
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 10 นอต
    • ความเร็วสูงสุด 14 นอต
    • ระวางขับน้ำปกติ 330 ตัน
    • ระวางขับน้ำเต็มที่ 384 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์
    • กำลังพลประจำเรือ 50 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Decca 1226
    • โซนาร์ค้นหาทุ่นระเบิด Westinghouse AN/UQS-1D
  • ระบบอาวุธ
    • ปืน Oerlikon Mk 4 ขนาด 20 มม. จำนวน 1 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Detroit Diesel 6V-71 จำนวน 4 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.navsource.org
  • http://www.rtni.org
  • http://www.shipbucket.com
  • https://sites.google.com/site/sorawitjomkeeree45376

เรือหลวงตะลิบง

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

เรือหลวงตะลิบง เดิมชื่อ LCT-753 เป็นเรือในชุดเรือหลวงมัตโพน เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางการทหารในช่วงปี พ.ศ. 2489 – 2491 โดยเรือในชุดนี้มีทั้งหมด 6 ลำ คือ เรือหลวงมัตโพน (761), เรือหลวงราวี (762), เรือหลวงอาดัง (763), เรือหลวงเภตรา (764), เรือหลวงโกลำ (765), และเรือหลวงตะลิบง (766) ซึ่งตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ตามระเบียบการตั้งชื่อเรือหลวงของกองทัพเรือไทย ก่อนจะถูกปล่อยจมสู่ก้นทะเล บริเวณเกาะยาวาชำ จังหวัดกระบี่ ให้เป็นแหล่งทรัพยากร และจารึกชื่อ เรือหลวงตะลิบง ไว้กับท้องทะเลตลอดไป


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 766
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 30 มี.ค. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ 26 ต.ค. 2492
    • ปลดประจำการ 5 มิ.ย.2551
    • ผู้สร้าง บริษัท Quincy Bargebuilders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 35.24 เมตร
    • ความกว้าง 9.76 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 8 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 450 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 618 ไมล์ ที่ 6 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 33 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ AN/SPS-53
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล ขนาด .50 นิ้ว. แท่นเดี่ยว 4 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Gray Marine Diesel จำนวน 3 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 3 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • https://www.facebook.com/floatinghut
  • http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skyman
  • https://th.wikipedia.org/
  • http://www.navypedia.org
  • http://www.navsource.org
  • https://km.dmcr.go.th

เรือหลวงโกลำ

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

เรือหลวงโกลำ เดิมชื่อ LCT-904 เป็นเรือในชุดเรือหลวงมัตโพน เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางการทหารในช่วงปี พ.ศ. 2489 – 2491 โดยเรือในชุดนี้มีทั้งหมด 6 ลำ คือ เรือหลวงมัตโพน (761), เรือหลวงราวี (762), เรือหลวงอาดัง (763), เรือหลวงเภตรา (764), เรือหลวงโกลำ (765), และเรือหลวงตะลิบง (766) ซึ่งตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ตามระเบียบการตั้งชื่อเรือหลวงของกองทัพเรือไทย ก่อนจะถูกปล่อยจมสู่ก้นทะเล บริเวณเกาะยาวาชำ จังหวัดกระบี่ ให้เป็นแหล่งทรัพยากร และจารึกชื่อ เรือหลวงโกลำ ไว้กับท้องทะเลตลอดไป


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 765
    • วางกระดูกงู 17 เม.ย. 2487
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 13 พ.ค. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ ต.ค. 2491
    • ปลดประจำการ 5 มิ.ย.2551
    • ผู้สร้าง บริษัท Missouri Valley Bridge, Evansville ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 35.24 เมตร
    • ความกว้าง 9.76 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 8 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 450 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 618 ไมล์ ที่ 6 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 33 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ AN/SPS-53
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล ขนาด .50 นิ้ว. แท่นเดี่ยว 4 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Gray Marine Diesel จำนวน 3 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 3 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • https://www.facebook.com/floatinghut
  • http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skyman
  • https://th.wikipedia.org/
  • http://www.navypedia.org
  • http://www.navsource.org
  • https://km.dmcr.go.th

เรือหลวงเภตรา

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

เรือหลวงเภตรา เดิมชื่อ LCT-1089 เป็นเรือในชุดเรือหลวงมัตโพน เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางการทหารในช่วงปี พ.ศ. 2489 – 2491 โดยเรือในชุดนี้มีทั้งหมด 6 ลำ คือ เรือหลวงมัตโพน (761), เรือหลวงราวี (762), เรือหลวงอาดัง (763), เรือหลวงเภตรา (764), เรือหลวงโกลำ (765), และเรือหลวงตะลิบง (766) ซึ่งตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ตามระเบียบการตั้งชื่อเรือหลวงของกองทัพเรือไทย ภายหลังปลดระวางประจำการ ได้ถูกนำมาจมเพื่อเป็นประการังเทียม บริเวณเกาะมันใน จ.ระยอง เมื่อ 23 ต.ค.2555


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 764
    • ปล่อยเรือลงน้ำ พ.ศ. 10 พ.ค. 2487
    • รัฐบาลไทยซื้อเมื่อ พ.ศ. 2489
    • ขึ้นระวางประจำการ 9 พ.ย. 2491
    • ปลดประจำการ *
    • ผู้สร้าง บริษัท Quincy Bargebuilders ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 35.24 เมตร
    • ความกว้าง 9.76 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 8 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 450 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 618 ไมล์ ที่ 6 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 33 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ AN/SPS-53
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล ขนาด .50 นิ้ว. แท่นเดี่ยว 4 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Gray Marine Diesel จำนวน 3 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 3 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • https://www.facebook.com/floatinghut
  • http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skyman
  • https://th.wikipedia.org/
  • http://www.navypedia.org
  • https://km.dmcr.go.th

เรือหลวงอาดัง

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เสร็จสิ้นลง ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้โอกาสแก่ประเทศไทย ที่จะจัดซื้อเรือไว้ใช้ในราชการ เรือหลวงอาดัง เดิมชื่อ LCT-861 เป็นเรือในชุดเรือหลวงมัตโพน เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้รับมอบมาจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางการทหารในช่วงปี พ.ศ. 2489 – 2491 โดยเรือในชุดนี้มีทั้งหมด 6 ลำ คือ เรือหลวงมัตโพน (761), เรือหลวงราวี (762), เรือหลวงอาดัง (763), เรือหลวงเภตรา (764), เรือหลวงโกลำ (765), และเรือหลวงตะลิบง (766) ซึ่งตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ตามระเบียบการตั้งชื่อเรือหลวงของกองทัพเรือไทย กระทั่ง กองทัพเรือได้มีคำสั่งให้ปลดประจำการลง เนื่องด้วยสภาพที่เสื่อมโทรมตามกาลเวลา


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 763
    • วางกระดูกงู 11 ม.ค. 2487
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 15 ก.พ. 2487
    • ขึ้นระวางประจำการ *
    • ปลดประจำการ *
    • ผู้สร้าง บริษัท Darby Products, Kansas City ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 35.24 เมตร
    • ความกว้าง 9.76 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.70 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 8 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 450 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 618 ไมล์ ที่ 6 นอต
    • กำลังพลประจำเรือ 35 นาย
  • ระบบตรวจการณ์
    • เรดาร์เดินเรือ Raytheon 1500B (SPS-53)
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Oerlikon GAM-CO1 ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล ขนาด .50 นิ้ว. แท่นเดี่ยว 4 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ดีเซล Gray Marine Diesel จำนวน 3 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 3 เพลา
  • เรือในชุดเดียวกัน

แหล่งอ้างอิง

  • http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skyman
  • https://th.wikipedia.org/
  • http://www.navypedia.org
  • https://www.thairath.co.t
  • http://www.aqua-vision.net

Copyright © 2025 Seafarer Library

Theme by Anders NorenUp ↑