Category: Uncategorized

พิธีฉลองเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

การฉลองเรือ เป็นพิธีที่มีขึ้นในโอกาสที่เรือรบที่ได้ตั้งชื่อเรือตามชื่อเมืองของตนได้เดินทางมาเยี่ยมชาวเมืองเป็นครั้งแรก ซึ่งชาวเมืองนั้น ๆ ถือว่า เรือรบที่ได้ตั้งตามชื่อเมืองของตนนั้นเป็นเกียรติประวัติ เป็นสิริมงคล และเป็นมิ่งขวัญอย่างสูงยิ่ง จึงจัดให้มีการฉลองเรือ เป็นงานมหกรรมพิเศษ และเป็นประเพณีสืบเนื่อง ในปีหนึ่ง ๆ เรือรบจะต้องไปเยี่ยมเมืองอันเป็นชื่อเรือของตน

สำหรับราชนาวีไทย ในสมัยก่อนมีการสั่งต่อเรือจากต่างประเทศ พิธีฉลองเรือมีขึ้นในโอกาสที่เรือหลวงได้สร้าง หรือซื้อจากต่างประเทศเดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรก ส่วนสถานที่กำหนดพิธีฉลองเรือที่ใดนั้น อาจกระทำในกรุงเทพมหานครหรือต่างจังหวัดนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของเรือที่ตั้งชื่อ ตามระเบียบกองทัพเรือว่าด้วย การแบ่งชั้นเรือ หมู่เรือ และการตั้งชื่อเรือหลวง พ.ศ.2527 ในภายหลัง เรือรบไทยสามารถดำเนินการต่อได้เองภายในประเทศ พิธีฉลองเรือก็กระทำเช่นเดียวกับที่ต่างประเทศปฏิบัติคือกระทำเมื่อเดินทางไปยังเมือง หรือ จังหวัดตามชื่อเรือนั้นๆ

เรือหลวงที่ได้รับพระราชทานตามชื่อตัว บรรดาศักดิ์ หรือชื่อสกุลของบุคคลที่เป็นวีรบุรุษของชาติ หรือตามชื่อประเภทของเรืออื่น ๆ อาจมีพิธีฉลองเรือในกรุงเทพมหานคร เช่น พิธีฉลอง ร.ล.พระร่วง ได้กระทำที่ท่าราชวรดิฐ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 – 10 ตุลาคม 2463 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ส่วนเรือหลวงที่ได้รับพระราชทานตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ ตามชื่อเมือง หรือตำบลชายทะเลที่สำคัญ ได้มีพิธีฉลองเรือตามต่างจังหวัดที่มีเรือของตน ในอดีตมาแล้ว มีการมอบพระพุทธรูป โล่ประจำจังหวัดให้แก่เรือหลวงนั้น ๆ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้มีพิธีฉลอง ร.ล.แม่กลอง ร.ล.จันทบุรี ร.ล.ระยอง ร.ล.ตราด ร.ล.ชลบุรี ร.ล.สงขลา และ ร.ล.ภูเก็ต เป็นต้น


การฉลองเรือ เป็นพิธีที่มีขึ้นในโอกาสที่เรือรบที่ได้ตั้งชื่อเรือตามชื่อเมืองของตนได้เดินทางมาเยี่ยมชาวเมืองเป็นครั้งแรก ซึ่งชาวเมืองนั้น ๆ ถือว่า เรือรบที่ได้ตั้งตามชื่อเมืองของตนนั้นเป็นเกียรติประวัติ เป็นสิริมงคล และเป็นมิ่งขวัญอย่างสูงยิ่ง จึงจัดให้มีการฉลองเรือ เป็นงานมหกรรมพิเศษ และเป็นประเพณีสืบเนื่อง ในปีหนึ่ง ๆ เรือรบจะต้องไปเยี่ยมเมืองอันเป็นชื่อเรือของตน

สำหรับราชนาวีไทย ในสมัยก่อนมีการสั่งต่อเรือจากต่างประเทศ พิธีฉลองเรือมีขึ้นในโอกาสที่เรือหลวงได้สร้าง หรือซื้อจากต่างประเทศเดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรก ส่วนสถานที่กำหนดพิธีฉลองเรือที่ใดนั้น อาจกระทำในกรุงเทพมหานครหรือต่างจังหวัดนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของเรือที่ตั้งชื่อ ตามระเบียบกองทัพเรือว่าด้วย การแบ่งชั้นเรือ หมู่เรือ และการตั้งชื่อเรือหลวง พ.ศ.2527 ในภายหลัง เรือรบไทยสามารถดำเนินการต่อได้เองภายในประเทศ พิธีฉลองเรือก็กระทำเช่นเดียวกับที่ต่างประเทศปฏิบัติคือกระทำเมื่อเดินทางไปยังเมือง หรือ จังหวัดตามชื่อเรือนั้นๆ

เรือหลวงที่ได้รับพระราชทานตามชื่อตัว บรรดาศักดิ์ หรือชื่อสกุลของบุคคลที่เป็นวีรบุรุษของชาติ หรือตามชื่อประเภทของเรืออื่น ๆ อาจมีพิธีฉลองเรือในกรุงเทพมหานคร เช่น พิธีฉลอง ร.ล.พระร่วง ได้กระทำที่ท่าราชวรดิฐ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 – 10 ตุลาคม 2463 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ส่วนเรือหลวงที่ได้รับพระราชทานตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ ตามชื่อเมือง หรือตำบลชายทะเลที่สำคัญ ได้มีพิธีฉลองเรือตามต่างจังหวัดที่มีเรือของตน ในอดีตมาแล้ว มีการมอบพระพุทธรูป โล่ประจำจังหวัดให้แก่เรือหลวงนั้น ๆ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้มีพิธีฉลอง ร.ล.แม่กลอง ร.ล.จันทบุรี ร.ล.ระยอง ร.ล.ตราด ร.ล.ชลบุรี ร.ล.สงขลา และ ร.ล.ภูเก็ต เป็นต้น

ในปัจจุบันได้กำหนดพิธีฉลองเรือของราชนาวีไทย พอสังเขปดังต่อไปนี้

  • พิธี ประกอบด้วย พิธีทางศาสนา มอบเรือจำลอง มอบพระพุทธรูป เจิมเรือ คล้องพวงมาลัยหัวเรือ มีมหรสพสมโภช เปิดให้ประชาชนขึ้นชมเรือ
  • ผู้ประกอบพิธี ผบ.ทร. หรือผู้ที่ ผบ.ทร. พิจารณาเห็นสมควร เป็นประธานพิธีฝ่ายทหารเรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทน เป็นประธานพิธีฝ่ายจังหวัด
  • กำหนดเวลาทำพิธี ไม่กำหนดฤกษ์ยาม

แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

พิธีขึ้นระวางประจำการ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

พิธีขึ้นระวางประจำการ เป็นพิธีที่แสดงถึงการรับเรือเข้าระวางประจำการของทางราชการ โดยกระทรวงกลาโหม หรือกองทัพเรือ จะเป็นผู้ลงคำสั่งให้เรือนั้นเข้าระวางประจำการ ส่วนพิธีขึ้นระวางประจำการจะกระทำในวันใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมแต่ส่วนมากแล้ว จะตรงกับวันมอบเรือหรืออาจจะภายหลังการรับมอบเรือก็ได้ พิธีขึ้นระวางประจำการของราชนาวีไทย ได้กระทำขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน แต่ในปี พ.ศ.2451 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการขั้นระวางประจำการ เรือเสือทยานชล เรือตอร์ปิโดที่ 1 เรือตอร์ปิโดที่ 2 และเรือตอร์ปิโดที่ 3 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2451


ในปัจจุบันได้กำหนดพิธีขึ้นระวางประจำการของราชนาวีไทย พอสังเขปดังต่อไปนี้

  • พิธี มีการแถวอ่านคำสั่งกระทรวงกลาโหม หรือกองทัพเรือ ทหารเดินแถวลงประจำเรือ ชักธง หัว-ท้าย
  • ผู้ประกอบพิธี ในประเทศ ควรเป็น ผบ.ทร. หรือผู้ที่ ผบ.ทร.พิจารณาเห็นสมควร
  • ต่างประเทศ ควรเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศนั้น ๆ หากเป็นเรื่องที่สั่งสร้างให้คณะกรรมการตรวจการจ้าง (กตจ.) เป็นผุ้เสนอแนะ ทร. แต่ถ้าเป็นเรือที่ต่างชาติมอบให้ ควรเป็นผู้ที่ ผบ.ทร.พิจารณาเห็นสมควร
  • กำหนดเวลาทำพิธี ไม่กำหนดฤกษ์ยาม

แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

พิธีรับมอบเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

พิธีรับมอบเรือ เป็นพิธีที่ได้มีขั้นภายหลังจากบริษัทผู้สร้าง หรือกรมอู่ ทร. ได้สร้างเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทผู้สร้างหรือกรมอู่ ทร. จะส่งมอบเรือที่ตนสร้างให้กับกองทัพเรือพิธีรับมอบเรือ รวมไปถึงเรือที่ได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ได้ให้แกองทัพเรือ หรือเรือที่ซื้อมาจากต่างประเทศด้วย พิธีรับมอบเรือได้เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่พบหลักฐานที่แน่นอน แต่ในปี พ.ศ. 2451 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 ได้มีพิธีมอบเรือเสือทยานชล เรือตอร์ปิโดที่ 1 เรือตอร์ปิโดที่ 2 และเรือตอร์ปิโดที่ 3 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2451 จากนายทหารเรือญี่ปุ่น ได้นำเรือทั้ง 4 ลำ ซึ่งต่อจากบริษัทอู่กาวาซากิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เข้ามายังกรุงเทพ ฯ


ในปัจจุบันได้กำหนดพิธีรับมอบเรือของราชนาวีไทยพอสังเขป ดังต่อไปนี้

  • พิธีในประเทศ ทหารเดินแถวลงประจำเรือ ชักธงหัว-ท้าย ประธานให้โอวาท มีพิธีทางศาสนามีการมอบเอกสาร บัญชี ประวัติต่าง ๆ ตลอดจนตัวเรือ การดูแลรับผิดชอบจากผุ้สร้างให้ผู้ใช้โดยสมบูรณ์
  • ต่างประเทศ ทหารเดินแถวลงประจำเรือ มีการชักธงหัว-ท้าย มีการมอบความรับผิดชอบจากผูสร้างให้แก่ทหารประจำเรือ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรือที่ ทร.สั่งสร้างหรือต่างชาติมอบให้
  • ผู้ประกอบพิธี ในประเทศ ควรเป็น ผบ.ทร. หรือผู้ที่ ผบ.ทร.พิจารณาเห็นสมควร
  • ต่างประเทศ ควรเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศนั้น ๆ หรือผู้ที่ ผบ.ทร.พิจารณาเห็นสมควร
  • กำหนดเวลาทำพิธี ไม่กำหนดฤกษ์ยาม

แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

พิธีปล่อยเรือลงน้ำ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

เมื่อมนุษย์รู้จักสร้างเรือนั้น เท่าที่มีประวัติไว้ประมาณ 2100 ปีก่อนคริสต์ศาสนา ก่อนปล่อยเรือลงน้ำจะต้องประกอบพิธีทางศาสนาเสียก่อน ชาวเกาะตาฮิตีทำพิธีสังเวยด้วยเลือดมนุษย์ จีนสร้างสถูปไหว้เจ้าและสร้างที่สำหรับแม่ย่านางเรือสิงสถิต อียิปต์และกรีกโบราณจะประดับเรือด้วยพวงดอกไม้และใบไม้ที่มีกลิ่นหอม พระจะทำพิธีมอบเรือแก่พระสมุทร ขณะที่เรือเลื่อนลงน้ำจะมีการเทเหล้าไวน์ (WINE) ลงบนเรือหรือบนพื้นดินเพื่อเป็นการสังเวยให้พระสมุทรปกปักรักษาเรือลำนั้น

ต่อมาในสมัยกลางที่เกิดคริสต์ศาสนาขึ้น พิธีปล่อยเรือลงน้ำกลายเป็นพิธีที่ใหญ่โตมากจะมีการประดับประดาเรือด้วยดอกไม้ พระจะประสาทพรและกล่าวอุทิศเรือแก่นักบุญที่ยิ่งใหญ่องค์ใดองค์หนึ่ง และดื่มแชมเปญหรือไวน์อวยพรด้วยถ้วยเงิน เมื่อดื่มแล้วให้ขว้างถ้วยขึ้นไปบนเรือ ปรากฏว่าสิ้นเปลืองมาก จึงเปลี่ยนเป็นขว้างขวดแชมเปญหรือไวน์กับหัวเรือแทน ราชนาวีอังกฤษเริ่มให้สุภาพสตรีที่สูงศักดิ์ เป็นผู้ประกอบพิธีตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 คราวหนึ่ง สุภาพสตรีได้ขว้างขวดแชมเปญไม่ถูกหัวเรือ แต่กลับไปถูกแขกที่มาในงานพิธีบาดเจ็บ จึงได้ใช้เชือกผูกคอขวดเสียก่อนเสมอ ฝรั่งเศสไม่ใช้เหล้าไวน์ในการประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ แต่เปลี่ยนเป็นเลี้ยงแขกในพิธีด้วยเหล้าไวน์อย่างดีแทน ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ใช้นกร่วมในพิธีนี้ด้วย โดยการปล่อยนกพิราบจากกรงขณะที่เรือเคลื่อนลงน้ำ สหรัฐนาวีประกอบพิธีทำนองเดียวกับราชนาวีอังกฤษ แต่บางครั้งก็มีแตกต่างออกไป เช่น ใช้เหล้าผสมน้ำแทนเหล้าบริสุทธิ์ ใช้นกพิราบผูกริบบิ้นสีแดง ขาว และน้ำเงิน ตัวละสี 3 ตัว หรือใช้ผู้ประกอบพิธี 3 คน แต่ละคนถือขวดน้ำ ซึ่งนำมาจากแม่น้ำและทะเลที่ตนนับถือสำหรับต่อยหัวเรือให้ขวดแตก


ชาวเรือไม่ยอมลงเรือลำใดที่ไม่ได้ทำพิธีปล่อยให้ถูกต้อง เพราะเชื่อกันว่าเรือแต่ละลำมีวิญญาณ ถ้าทำพิธีไม่ถูกต้องแล้วจะถูกสาปให้ประสบเคราะห์กรรมต่าง ๆ มีเรื่องเล่ากันว่า เรือรบอเมริกัน USS.Constitution ไม่ยอมเคลื่อนลงน้ำถึง 2 ครั้ง เมื่อใช้ขวดน้ำแทนเหล้า จนครั้งที่ 3 พลเรือจัตวา James Sever จึงสั่งให้เอาขวดเหล้าใน Madeira มาต่อยที่หัวเรือ เรือจึงยอมเลื่อนลงน้ำไป พวกชาวเรือที่ได้เห็นเหตุการณ์วันนั้นกล่าวยืนยันว่า “พับผ่าซีครับ ผมได้ยินเสียงเรือถอนหายใจด้วยความโล่งอกทีเดียว” สำหรับการที่ต้องปล่อยเรือโดยการเอาท้ายเรือลงน้ำนั้น ก็เนื่องจากท้ายเรือป้านมีกำลังลอยมากกว่าทางหัวเรือซึ่งแหลม ถ้าเอาหัวเรือลงอาจทำให้น้ำเข้าและจมได้ อีกประการหนึ่งหัวเรือแหลมเมื่อเคลื่อนลงน้ำแล้วด้วยน้ำหนักตัวของมัน จะมีแรงเคลื่อน พุ่งไปข้างหน้าไกลหรือกำลังแรง ลำบากในการยึดเหนี่ยว การเอาท้ายเรือลงจึงสะดวกกว่า

พิธีปล่อยเรือลงน้ำของราชนาวีไทย เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่สันนิษฐานว่า คงจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในสมัยนั้น กองทัพยังไม่ได้แบ่งแยกเป็น กองทัพบกหรือกองทัพเรือ อย่างเช่นในสมัยปัจจุบัน นับตั้งแต่กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรือรบก็สร้างด้วยไม้ ถ้าเป็นเรือรบที่ใช้รบในแม่น้ำ ก็จะเป็นเรือที่มีขนาดเล็ก ส่วนเรือที่ใช้รบในทะเลหรือเรือที่ใช้ในการค้าขายก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เรือสำเภา , เรือกำปั่น เป็นต้น พิธีปล่อยเรือลงน้ำที่มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้มีพิธีปล่อยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลงน้ำ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2454 ส่วนเรือหลวงที่สร้างจากต่างประเทศที่มีหลักฐานปรากฏได้แก่ ร.ล.เสือคำรณสินธุ์ ประเภทเรือพิฆาต มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2453 ณ อู่กาวาซากิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น สำหรับเรือหลวง ตัวเรือเป็นเหล็ก สร้างโดยกรมอู่ ทร. ที่มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ได้แก่ ร.ล.สัตหีบ ซึ่งมี คุณหญิง วิจิตรา ธนะรัชต์ ภริยา จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รมว.กห. เป็นประธานประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2500

ในปัจจุบันได้กำหนดพิธีปล่อยเรือลงน้ำของราชนาวีไทย พอสังเขปดังนี้

  • พิธี ประกอบด้วยการนำขวดแชมเปญกระทบหัวเรือ หรือใช้ขวานทองตัดเชือกหัวเรือ
  • ในประเทศ มีพิธีทางศาสนา
  • ผู้ประกอบพิธี เป็นสุภาพสตรี อาจเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ หรือภริยานายทหารเรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ ทร.พิจารณาเห็นสมควร ทั้งนี้ไม่ว่าเรือนั้นจะสร้างโดย กรมอู่ ทร. รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทเอกชน
  • ต่างประเทศ เป็นสุภาพสตรี อาจเป็นภริยาข้าราชการ ทร. ชั้น พล.ร.อ.ขึ้นไป หรือภริยาเอกอัครราชทูตที่ ทร.พิจารณาเห็นสมควร
  • กำหนดเวลาทำพิธี แล้วแต่ฤกษ์

แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

พิธีวางกระดูกงูเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

เป็นพิธีแรกในการสร้างเรือ คำว่า “กระดูกงู” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง “ตัวไม้หรือเหล็กที่ทอดตลอดลำเรือสำหรับตั้งกง” ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า พิธีวางกระดูกงูเรือ จึงเป์นพิธีที่สำคัญพิธีหนึ่งในการเริ่มสร้างเรือมานับตั้งแต่สมัยโบราณทั้งของไทยและของต่างประเทศ ส่วนพิธีการอาจจะแตกต่างกันไปบ้างขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละชาติ

พิธีวางกระดูกงูเรือของไทยนั้น คงจะสืบเนื่องมาจากการนับถือเทพธิดา (นางไม้) เพราะในสมัยโบราณถือกันว่า การเข้าป่าตัดไม้ ต้องทำพิธีบวงสรวงเทพารักษ์ (พฤษเทวดา) เสียก่อน จึงจะหาตัวเรือไม้แม่ย่านาง และมาดเรือได้ดี และเป็นไม้ที่นายช่างผู้ชำนาญการต่อเรือได้พิจารณาเลือกคัดเอาแต่ที่อย่างเอก ๆ เป็นไม้ดีที่หนึ่ง เมื่อได้ไม้มาแล้ว ก่อนจะทำการโกลนและเปิดมาดขึ้นกง ก็ทำพิธีบวงสรวงเชิญเทวพฤกษ์มาสิงสถิตปกปักรักษา พิธีนี้ก็เห็นจะเนื่องมาจากพิธีของพราหมณ์ดังกล่าวมาแล้ว


สำหรับราชนาวีไทย คงได้ประกอบพิธีมาตั้งแต่สมัยเรือรบที่สร้างตัวเรือด้วยไม้ ต่อมาได้เปลี่ยนการสร้างจากตัวเรือไม้มาเป็นตัวเรือเหล็ก สำหรับเรือรบที่สร้างด้วยเหล็กตามหลักฐานได้มีพิธีวางกระดูกงู ร.ล.สัตหีบ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2499 โดยกรมอู่ ทร. เป็นผู้สร้าง ได้มีพิธีทางศาสนาพุทธ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์และมีพิธีพราหมณ์ประกอบการบูชาฤกษ์ มี ฯพณฯ จอมพลเรือ ป.พิบูลสงคราม รมว.กห. เป็นประธานประกอบพิธีย้ำหมุดเป็นปฐมฤกษ์ และมี จอมพลเรือ ป.ยุทธศาสตร์โกศล ผบ.ทร. เป็นผู้กล่าวเชิญประกอบพิธี

ในปัจจุบันได้กำหนดพิธีวางกระดูกงูของราชนาวีไทย พอสังเขปดังนี้

  • พิธี ประกอบด้วย การเจิมกระดูกงู คล้องพวงมาลับ แล้วทำพิธีวางกระดูกงูโดยใช้ค้อนตอกย้ำหมุดตัวแรก หรือกดปุ่มสวิตซ์ทำการประสานกระดูกงูด้วยไฟฟ้า
  • ผู้ประกอบพิธี ในประเทศ ควรเป็น ผบ.ทร. หรือผู้ที่ ผบ.ทร. พิจารณาเห็นสมควร
  • ต่างประเทศ ควรเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศนั้น ๆ โดยให้กรรมการตรวจการจ้างเป็นผู้เสนอแนะ ทร.
  • กำหนดพิธี แล้วแต่ฤกษ์

แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

การอวยพรระหว่างเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

เรือรบทุกลำไม่ว่าจะเป็นเรือของชาติเดียวกัน หรือเรือของต่างชาติ เมื่อได้มาจอดร่วมอ่าวกัน หรือผ่านกันในทะเล และทราบว่าเรืออีกลำจะต้องจากไปไกลหรือไปนานวัน จะทำการอวยพรด้วยสัญญาณธงประมวล ดังนี้

  • ฝ่ายอยู่จะต้องชักธงหรือส่งวิทยุอวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
  • ฝ่ายจากไปจะต้องชักธงหรือวิทยุตอบขอบใจ

ตัวอย่างการชักธงอวยพร

  • CODE UW หมายความว่า “ขอให้โชคดี”
  • CODE YZ และ BON VOYAGE หมายความว่า “ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”

ตัวอย่างการชักธงตอบ

  • CODE YZ และ THANK YOU หมายความว่า “ขอขอบคุณ”


แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ
  • คู่มือการใช้งานเสาธง โรงเรียนนายเรือ

การยิงสลุต

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

ประเพณีการยิงสลุตจะเป็นมาอย่างไรนั้น ไม่สามารถทราบได้ แต่เป็นที่เชื่อว่าโดยเหตุที่ปืนใหญ่สมัยโบราณเป็นปืนบรรจุทางปากกระบอก การจะยิงได้แต่ละครั้งเสียเวลานาน ปืนใหญ่เรือสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งบริเทนใหญ่จะยิงได้ 2 นัดต้องเสียเวลา 1 ชั่วโมง คงจะได้ถือเป็นทางปฏิบัติกันว่าในกรณีที่เรือรบเข้าสู่ท่าเรือของรัฐอื่น จะมีกระสุนอยู่ในลำกล้องปืนใหญ่เรือมิได้ และการถอดกระสุนออกจากลำกล้องก็ไม่ใช่ง่าย การยิงทั้งเสียงเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้บรรจุกระสุนอยู่ในลำกล้อง นานเข้าก็เลยกลายเป็นประเพณีที่เรียกว่ายิงสลุตคำนับขึ้น

จำนวนนัดในการยิงสลุตต้องเป็นจำนวนเลขคี่เสมอและสูงสุดไม่เกิน 21 นัด การยิงสลุตเป็นจำนวนเลขคี่นี้เป็นประเพณี และถือว่าเมื่อเรือยิงสลุตจำนวนอย่างอื่นย่อมแสดงว่าผู้บังคับการเรือถึงแก่กรรมในขณะเรือกำลังเดินทาง ประเพณีการแสดงความเคารพนี้ ก็สืบเนื่องมาจากการแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทำการเคารพก่อนเป็นผู้ปราศจากอาวุธ และอยู่ในอำนาจของผู้ได้รับการเคารพ เช่น กระทำวันทยหัตถ์ ก็ดัดแปลงมาจากการยกมือแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาวุธอยู่ในมือหรือการเคารพด้วยการเอาปลายดาบชี้ดินหรือท่าวันทยาวุธ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่พร้อมที่จะทำการยิง


ในสมัยโบราณ อังกฤษบังคับให้ชาติอื่นที่อ่อนในนาวิกานุภาพเคารพตนก่อน ในปัจจุบันถือว่าทุกชาติมีศักดิ์เท่าเทียมกัน แต่เคารพกันตามประเพณีนิยมและการเคารพด้วยการยิงสลุตนั้นเป็นการเคารพที่ต้องได้รับตอบนัดต่อนัด คือยิงคำนับจำนวนเท่าใดต้องได้รับตอบจำนวนเท่ากัน เว้นแต่การยิงเคารพผู้บังคับบัญชาไม่มีการยิงสลุตตอบ

การแสดงความเคารพด้วยการยิงสลุต อันมีจำนวน 21 นัด ตามที่นิยมถือกันเป็นสากลสำหรับแสดงความเคารพแก่ชาติ และผู้เป็นประมุขของชาติ ตามที่ไทยเรียกว่าสลุตหลวงนั้นจดเป็นจำนวนนัดสูงสุด แต่ในพระราชกำหนดการยิงสลุตของไทยยังมีการยิงที่มีจำนวนมากกว่านี้อีกคือยิงถึง 101 นัด เรียกว่า “สลุตหลวงพิเศษ” ซึ่งจะยิงได้แต่เมื่อมีคำสั่งพิเศษเฉพาะคราวเท่านั้น ในสมัย พ.ศ. 2431–33 การยิงสลุตในวันเฉลิมพระชนมพรรษายิง 101 นัด ต้องใช้เรือรบยิง 2 ลำ และแบ่งยิงเป็น 3 เวลา คือ เช้า เที่ยง และ บ่าย การยิงสลุต 101 นัด ยกเลิกในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อเป็นการประหยัดดินปืน จึงไม่ทราบพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ยิงสลุตหลวงพิเศษอีกนับตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบันนี้


แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

การเคารพระหว่างเรือต่อเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

ภัยพิบัติในทะเลนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ทุกโอกาส ฉะนั้นจึงถือเป็นประเพณีและมารยาทที่เรืออื่นจะต้องให้ความช่วยเหลือเรือที่เสียหาย และเมื่อผ่านกันย่อมแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงว่าจะให้ความช่วยเหลือและมีไมตรีจิตต่อกัน เรือสินค้าและเรือโดยสารต้องแสดงความเคารพเรือรบก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรือใหญ่เล็กอย่างใด โดยที่เรือรบนั้นไม่เพียงจะให้การช่วยเหลือภัยพิบัติอันเกิดขึ้นแก่เรือสินค้าเท่านั้น ยังให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดโจรสลัดอีกด้วย การแสดงความเคารพนั้น ให้เรือสินค้าชักธงชาติลง 2 ใน 3 เรียกว่าสลุตธง และเรือรบรับสลุตธงด้วยการชักธงราชนาวีลง 1 ใน 3 อย่างไรก็ดี เมื่อเรือรบผ่านกับเรือสินค้าแล้วจะต้องระวังการสลุตธงด้วย หากเรือนั้นไม่รักษาประเพณีโดยไม่ทำการสลุตธงก่อนแล้ว ต้องถามไปทันที (Dip for Dip) สำหรับเรือรบต่อเรือรบนั้น ย่อมแสดงการเคารพกันตามชั้นของเรือและอาวุโสของผู้บังคับการเรือ ถ้าเป็นเรือรบต่างประเทศไม่ทราบชั้นและอาวุโส ให้ทำความเคารพพร้อมกันโดยให้ทหารยืนรายกราบเป่าแตรหรือนกหวีด



แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

การทำความเคารพของทหารเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

แต่เดิมมานั้น การทำความเคารพกระทำด้วยวิธีการหลายอย่าง แต่ส่วนมากถือหลักว่าเป็นการแสดงออกในเบื้องต้นอย่างเปิดเผยว่า ไม่มีอาวุธอะไรถืออยู่ในมือโดยการแบมือ ต่อมาในปี ค.ศ.1882 อังกฤษได้กำหนดระเบียบการทำวันทยหัตถ์สำหรับทหารเรือขึ้น โดยแบมือเหยียดตรงยกขึ้นแตะที่ขอบหมวกหรือกะบังหมวก ปัจจุบันนี้การกระทำความเคารพซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นการแสดงท่าทางที่สง่าผ่าเผย มีวินัยและความสามัคคีอันดี เป็นการให้เกียรติแก่เครื่องแบบและหน้าที่รับใช้ชาติ นอกจากนั้นยังเป็นการคารวะและมารยาทอันดีระห่วางผู้ใหญ่ผู้น้อยอีกด้วย การถอดหมวก ทหารในเครื่องแบบจะถอดหมวกทำความเคารพแก่ผู้ใดมิได้ ยกเว้นในกรณีการทำพิธีทางศาสนา การเข้าไปในสถานที่เคารพ การกราบไหว้พระพุทธรูป หรือพระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น การเดินในที่โล่งแจ้งจะต้องสวมหมวกเสมอ จะถอดหมวกได้ต่อเมื่อนั่งลง เช่น บนดาดฟ้า เก้าอี้ขณะรับประทานอาหาร ทั้งนี้ มิได้หมายถึงการนั่งยานพาหนะระหว่างเดินทาง เพื่อสะดวกต่อการแสดงความเคารพด้วย ทหารที่ถูกทำโทษ จะต้องถอดหมวกเพื่อแสดงความรับผิดและเคารพต่อผู้บังคับบัญชาที่สั่งลงทัณฑ์


การทำวันทยาวุธด้วยกระบี่ กระทำจาก 2 โอกาส คือ

ก. ทำจากท่าบ่าอาวุธ ทำเป็น 2 จังหวะ คือ

จังหวะที่ 1 มือขวายกกระบี่ขึ้นข้างบน หันคมไปทางซ้ายให้มือขวาอยู่เสมอคางนิ้วหัวแม่มือวางทาบตามแนวสันด้ามกระบี่ นิ้วนอกนั้นกำด้ามกระบี่ แสดงถึงการร้องเชิญหรือแสดงคารวะแก่ผู้มีอาวุโสและเป็นการออกคำสั่ง “ขวา (ซ้าย) ระวัง วันทยาวุธ”

จังหวะที่ 2 ลดกระบี่ไปทางหน้า ปลายกระบี่เฉียงลงล่างสูงจากพื้นประมาณ 1 คืบ มือขวาอยู่ข้างขาขวา นิ้วหัวแม่มือแนบอยู่กับด้ามกระบี่และอยู่ข้างบน คมกระบี่หันไปทางซ้ายเหยียดขาขวาเต็มที่ เป็นการแสดงถึงการยินยอมหรือเป็นผู้น้อย

ข. ทำจากท่าซึ่งกระบี่สวมในฝัก

จังหวะที่ 1 เมื่อมีคำบอกว่า “ขวา (ซ้าย) ระวัง” ให้ทำท่าบ่าอาวุธ

จังหวะที่ 2 เมื่อมีคำบอกวันทยาวุธ มือขวายกกระบี่ขึ้นข้างบน หันคมไปทางซ้ายให้มือขวาอยู่เสมอคางนิ้วหัวแม่มือวางทาบตามแนวสันด้ามกระบี่ นิ้วนอกนั้นกำด้ามกระบี่ แสดงถึงการร้องเชิญหรือแสดงคารวะแก่ผู้มีอาวุโสและเป็นการออกคำสั่ง “ขวา (ซ้าย) ระวัง วันทยาวุธ”

จังหวะที่ 3 ลดกระบี่ไปทางหน้า ปลายกระบี่เฉียงลงล่างสูงจากพื้นประมาณ 1 คืบ มือขวาอยู่ข้างขาขวา นิ้วหัวแม่มือแนบอยู่กับด้ามกระบี่และอยู่ข้างบน คมกระบี่หันไปทางซ้ายเหยียดขาขวาเต็มที่ เป็นการแสดงถึงการยินยอมหรือเป็นผู้น้อย

การเคารพระหว่างเรือ ถือปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการเคารพ พ.ศ. 2478 ตอนที่ 2 มาตรา 8 หัวข้อการเคารพในเรือใหญ่ ข้อ 3.(4) ดังนี้ “เรือใหญ่ซึ่งชักธงประจำเรือตามปกติ และจะมีธงนายเรือชั้นใดด้วยก็ตาม ให้ทำการเคารพซึ่งกันและกัน และการที่เรือใดจะต้องทำการเคารพซึ่งกันและกันก่อน หรือหลังอย่างใดให้ปฏิบัติดังนี้”

  • เรือชั้นที่ 3 เคารพเรือพระที่นั่ง เรือชั้นที่ 1 และเรือชั้นที่ 2 ก่อน
  • เรือชั้นที่ 2 เคารพเรือพระที่นั่ง กับเรือชั้นที่ 1 ก่อน
  • เรือชั้นที่ 1 เคารพเรือพระที่นั่ง ก่อน
  • เรือชั้นเดียวกัน ให้เรือที่ผู้บังคับการเรือมียศน้อยกว่า เคารพเรือที่ผู้บังคับการเรือมียศสูงหรืออาวุโสกว่า ถ้าผู้บังคับการเรือมียศเสมอกัน ให้ต่างฝ่ายต่างทำการเคารพพร้อม ๆ กัน
  • เรือช่วยรบ ถึงจะอยู่ในระดับชั้นสูงกว่าเรือรบก็ตาม ให้ทำการเคารพเรือพระที่นั่งและเรือรบก่อนเสมอไป

การทำความเคารพด้วยกระบี่ตามประวัติกล่าวว่า ในสงครามครูเสดระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11–13 ชาวคริสเตียนได้สลักไม้กางเขนไว้ที่โกร่งดาบ ก่อนทำการรบจึงมีประเพณีจูบด้ามดาบ เพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าคุ้มครอง


แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

การทำความเคารพท้ายเรือ

ขนบธรรมเนียม ประเพณี ทหารเรือ

การทำความเคารพท้ายเรือ เป็นประเพณีสืบเนื่องมาจากสมัยโรมัน ในสมัยนั้นดาดฟ้าท้ายเรือมักจะสร้างห้องอย่างประณีตสวยงาม สำหรับประดิษฐานรูปปั้นจำลองของ เทวรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สำคัญ เพราะจัดเป็นห้องผู้บังคับการเรือ และที่อยู่ของนายทหารประจำเรือ จึงถือว่าเป็นตอนที่สำคัญและได้รับเกียรติสูงสุดของเรือ เมื่อผู้ใดขึ้นมาบนเรือจะต้องทำความเคารพท้ายเรือก่อนเสมอ ปัจจุบันนี้ได้จัดให้ชักธงราชนาวีขึ้นที่เสาท้ายเรือ ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นราชนาวีไทยได้ใช้พระพุทธรูปแทน การทำความเคารพท้ายเรือ จึงถือว่าให้ความเคารพแก่สถานที่ และ ธงราชนาวีด้วย ฉะนั้น ก่อนลงจากเรือใหญ่และขึ้นบนเรือใหญ่จึงมีประเพณีให้ทำความเคารพท้ายเรือก่อนเสมอ แม้ว่าในสมัยปัจจุบันนี้เรือบางลำ ห้องผู้บังคับการเรือและห้องพระพุทธรูปจะไว้กลางลำก็ยังคงถือปฏิบัติเช่นเดิม สำหรับบุคคลพลเรือนนั้น กระทำด้วยการถอดหมวกและโค้งคำนับ



แหล่งอ้างอิง

  • หนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ

Copyright © 2025 Seafarer

Theme by Anders NorenUp ↑