Category: Uncategorized

เรือราชฤทธิ์(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือในทะเลของไทยขนาดใหญ่ในสมัยโบราณ ในยามสงครามก็ใช้ในการรบ ยามปกติก็ใช้ในการค้า โดยแบ่งลักษณะเรือออกเป็น 2 ประเภท อย่างกว้าง ๆ คือ

  1. เรือแบบตะวันออก ได้แก่ เรือสำเภา หรือเรือแบบจีน
  2. เรือแบบตะวันตก ได้แก่ เรือกำปั่นแบบฝรั่ง คำว่า “กำปั่น” ซึ่งหมายถึง เรือเดินทะเลแบบฝรั่ง
    • เรือชนิดบริก (Brig) เป็นเรือ 2 เสา ทั้งสองเสาใช้ใบตามขวาง และมีใบใหญ่ที่กาฟ์ฟ
    • เรือชนิดบาร์ก (Bargue) เป็นเรือ 3 เสาหน้าและเสาใหญ่ใช้ใบตามขวาง เสาหลังใช้ใบตามยาว
    • เรือชนิดสกูเนอร์ (Schooner) เป็นเรือ 2 เสา แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เรือบรรทุกสินค้า และแบบเรือยอชท์ สำหรับท่องเที่ยว


ในสมัยรัชกาลที่ 3 การค้าทางทะเลมีน้อยกว่าในสมัยรัชกาลที่ 2 โปรดให้สร้างเรือกำปั่นของไทยสำหรับการค้าทางทะเล และมีเรือรบจำพวกเรือเดินทะเล เพราะในขณะนั้นมีศึกสงครามรบกับญวน จำเป็นต้องมีเรือรบไว้ใช้ในราชการมากขึ้น เรือรบไทยได้เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นเรือกำปั่นแบบฝรั่ง โดยเรือราชฤทธิ์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2379 มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ว่า SIR WALTER SCOTT เป็นเรือแบบเดียวกันกับเรือพุทธอำนาจ คือเป็นเรือชนิดบาร์ก (Barge) ขนาด 200 ตัน มีอาวุธปืนใหญ่ 10 กระบอก เมื่อ พ.ศ. 2384 ไปราชการทัพรบกับญวน


แหล่งอ้างอิง

  • http://www.kingrama3.or.th
  • กรมยุทธการทหารเรือ, ประวัติเรือรบไทย. โรงพิมพ์กรมสารบรรณทหารเรือ, 2520
  • https://www.facebook.com/RoyalThaiNavyFanpage/

เรือหลวงมัจฉาณุ(ลำที่ 2)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

กองทัพเรือได้เริ่มความสนใจในการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 ในเอกสารโครงการจัดสร้างกำลังทางเรือ พ.ศ. 2453 โดยนายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นายพลเรือตรี พระยาราชวังสรรค์ และนายพลเรือตรี พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสิงหวิกรมเกรียงไกร ได้จัดทำขึ้นถวายสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้กำหนดให้มีเรือ ส. (สับมะรีน หรือเรือดำน้ำ) จำนวน 6 ลำ และต่อมาในปี พ.ศ.2458 นายเรือโท พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ ได้ทรงจัดทำเอกสารรายงานความคิดเห็นเรื่องเรือ ส. ระบุถึงข้อมูลแนวทางการจัดหาเรือดำน้ำ การใช้งาน และสิ่งสนับสนุนต่างๆ โดยละเอียด

จนกระทั่งเป็นเวลาอีก 20 ปีต่อมา ในปี พ.ศ.2478 กองทัพเรือจึงได้เริ่มการจัดหาเรือดำน้ำ โดยได้ตกลงสร้างเรือดำน้ำจำนวน 4 ลำ จากอู่ต่อเรือมิตซูบิชิโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย ร.ล.มัจฉาณุ ร.ล.วิรุณ ร.ล.สินสมุทร และ ร.ล.พลายชุมพล ซึ่งกองทัพเรือได้รับมอบเรือดำน้ำ 2 ลำแรก คือ ร.ล.มัจฉานุ และ ร.ล.วิรุณ เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2480 และต่อมากองทัพเรือจึงได้กำหนดให้วันที่ 4 กันยายนของทุกปีเป็น “วันเรือดำน้ำ” เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2481 และกองทัพเรือได้ขึ้นระวางประจำการเรือทั้ง 4 ลำ ในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2481 โดยในระหว่างสงครามอินโดจีน หลังจากยุทธนาวีที่เกาะช้างเมื่อปี พ.ศ.2484 เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ได้ทำการลาดตระเวนบริเวณหน้าฐานทัพเรือเรียมของอินโดจีนฝรั่งเศส สร้างความหวั่นเกรงให้กับฝ่ายฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ต่อมาในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา โรงไฟฟ้าสามเสนและวัดเลียบได้ถูกทิ้งระเบิดจนไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ และกองทัพเรือได้รับการร้องขอให้นำเรือดำน้ำไปทำการจ่ายกระแสไฟฟ้า ทำให้รถรางในกรุงเทพสามารถวิ่งได้ตามปกติ ชื่อเรือหลวงมัจฉาณุ เป็นชื่อตัวละครในวรรณคดีไทยซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ คือ มัจฉานุ จากเรื่องรามเกียรติ์

อย่างไรก็ดี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ทำให้ไม่สามารถสนับสนุนอะไหล่ให้กับเรือดำน้ำทั้ง 4 ลำของไทยได้ นอกจากนี้หลังจากเหตุการณ์กบฎแมนฮัตตัน เมื่อปี 29 มิถุนายน พ.ศ.2494 ทำให้กองทัพเรือถูกปรับลดโครงสร้างและถูกจำกัดงบประมาณเป็นอย่างมาก โดยกระทรวงกลาโหมได้ลงคำสั่งยุบหมวดเรือดำน้ำเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2494 และกองทัพเรือได้ปลดระวางประจำการเรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ในที่สุดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 นับเป็นการปิดฉากเรือดำน้ำไทยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 1
    • วางกระดูกงู 6 พ.ค. 2479
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 24 ธ.ค. 2479
    • ขึ้นระวางประจำการ 19 ก.ค. 2481
    • ปลดประจำการ 30 พ.ย. 2494
    • ผู้สร้าง อู่ต่อเรือมิตซูบิชิ โกเบ ประเทศญี่ปุ่น
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 51.0 เมตร
    • ความกว้าง 4.10 เมตร
    • กินน้ำลึก 3.60 เมตร
    • ระวางขับน้ำ บนผิวน้ำ 374.5 ตัน ขณะดำ 430 ตัน
    • ความเร็วมัธยัสถ์ 10 นอต
    • ความเร็ว ผิวน้ำ 15.7 นอต ใต้น้ำ 8.10 นอต
    • ดำลึกสุด 60 เมตร
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 4,770 ไมล์
    • กำลังพลประจำเรือ 33 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนกลลูวิสต่อสู้อากาศยานขนาด 76/25 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก
    • ปินใหญ่ขนาด 8 ซม. จำนวน 1 กระบอก
    • ตอร์ปิโดขนาด 45 ซม. แบบ เอ.เค. จำนวน 4 ท่อ
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 8 สูบ 1,100 แรงม้า (820 กิโลวัตต์) จำนวน 2 เครื่อง
    • เครื่องไฟฟ้ากำลัง 540 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) จำนวน 1 เครื่อง

แหล่งอ้างอิง

  • https://pantip.com
  • https://th.wikipedia.org

เรือมัจฉานุ(ลำที่ 1)

⇑ พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

ความเป็นมา

เรือในทะเลของไทยขนาดใหญ่ในสมัยโบราณ ในยามสงครามก็ใช้ในการรบ ยามปกติก็ใช้ในการค้า โดยแบ่งลักษณะเรือออกเป็น 2 ประเภท อย่างกว้าง ๆ คือ

  • เรือแบบตะวันออก ได้แก่ เรือสำเภา หรือเรือแบบจีน
ลักษณะของเรือสำเภาจีน
  • เรือแบบตะวันตก ได้แก่ เรือกำปั่นแบบฝรั่ง คำว่า “กำปั่น” ซึ่งหมายถึง เรือเดินทะเลแบบฝรั่ง
    • เรือชนิดบริก (Brig) เป็นเรือ 2 เสา ทั้งสองเสาใช้ใบตามขวาง และมีใบใหญ่ที่กาฟ์ฟ
    • เรือชนิดบาร์ก (Bargue) เป็นเรือ 3 เสาหน้าและเสาใหญ่ใช้ใบตามขวาง เสาหลังใช้ใบตามยาว
    • เรือชนิดสกูเนอร์ (Schooner) เป็นเรือ 2 เสา แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เรือบรรทุกสินค้า และแบบเรือยอชท์ สำหรับท่องเที่ยว
ลักษณะของเรือกำปั่นแบบตะวันตก

ในสมัยรัชกาลที่ 3 การค้าทางทะเลมีน้อยกว่าในสมัยรัชกาลที่ 2 โปรดให้สร้างเรือกำปั่นของไทยสำหรับการค้าทางทะเล และมีเรือรบจำพวกเรือเดินทะเล เพราะในขณะนั้นมีศึกสงครามรบกับญวน จำเป็นต้องมีเรือรบไว้ใช้ในราชการมากขึ้น เรือรบไทยได้เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นเรือกำปั่นแบบฝรั่ง โดยเรือมัจฉานุ ไม่ปรากฏว่าสร้างในปีใด เป็นเรือใบขนาดใหญ่สำหรับบรรทุกทหารและเสบียงไปส่งกองทัพ เรือมัจฉานุนี้ใช้ในราชการทัพเมื่อ พ.ศ. 2383 คราวปราบพวกเจ้าแขก และเมือง พ.ศ. 2384 คราวยกกองทัพไปรบกับญวน



แหล่งอ้างอิง

  • http://www.kingrama3.or.th
  • กรมยุทธการทหารเรือ, ประวัติเรือรบไทย. โรงพิมพ์กรมสารบรรณทหารเรือ, 2520

พิพิธภัณฑ์ทางเรือ

กองเรือในอดีต

เรือหลวงสุริยะ(ลำที่ 2)

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือได้เริ่มกิจการเครื่องหมายช่วยการเดินเรือมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2462 โดยได้ดำเนินการจัดวางทุ่นเครื่องหมายทางเรือ และติดตั้งกระโจมไฟในบริเวณพื้นที่ ที่เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ บริเวณปากทางเข้าร่องน้ำ บริเวณตำบลที่มีความสำคัญต่อการเดินเรือ รวมทั้งจัดการดูแลและซ่อมบำรุงอุปกรณ์เหล่านี้ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานเครื่องหมายทางเรือ ได้ทวีความสำคัญขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากความต้องการความปลอดภัยในการเดินเรือ และความเป็นมาตรฐานสากล กรมอุทกศาสตร์จึงได้ตั้งโครงการพัฒนาเครื่องหมายช่วยการเดินเรือขึ้นในปี พ.ศ.2515 – 2519 เพื่อให้สอดคล้องกับ แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ และได้รับงบประมาณเพื่อต่อเรือสำหรับใช้การนี้ เป็นเงิน 52,517,000 บาท โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการสั่งต่อเรือกับ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ในปี พ.ศ.2519 และได้ตั้งชื่อเรือลำนี้ว่า ร.ล.สุริยะ


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 821
    • สัญญาณสากล HSXW
    • วางกระดูกงู 10 ส.ค. 2519
    • ขึ้นระวางประจำการ 15 ม.ค. 2522
    • ผู้สร้าง บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 54.20 เมตร
    • ความกว้าง 10.16 เมตร
    • กินน้ำลึกหัว 2.78 เมตร ท้าย 3.20 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 12 นอต
    • ระวางขับน้ำ 960 ตัน
    • กำลังพล 60 นาย
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ 10 นอต
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง
    • เพลาใบจักร 2 พวง
    • เครื่องผลักดันหัวเรือ (bow thruster)
  • ระบบสนับสนุนอื่นๆ
    • เครนประจำที่สำหรับยกทุ่น 1 ชุด

แหล่งอ้างอิง

  • กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ
  • https://www.facebook.com/River-is-life-128892643799770/

เรือ อศ.3

⇑ กำลังทางเรือ

ภารกิจของหน่วย

ภารกิจหลัก ฝึกภาคทะเลนายทหารใหม่ และพลทหารใหม่ในส่วนของกรมอุทกศาสตร์ และปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

ภารกิจรอง สนับสนุนการสำรวจสมุทรศาสตร์บริเวณชายฝั่ง และสนับสนุนการหยั่งน้ำสำรวจพื้นทะเลบริเวณชายฝั่ง เพื่อปรับปรุงแผนที่ทะเล


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 3
    • วางกระดูกงู 15 ก.ค. 2515
    • ขึ้นระวางประจำการ 30 พ.ย. 2515
    • ผู้สร้าง บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 22.25 เมตร
    • ความกว้าง 5 เมตร
    • กินน้ำลึก 1.80 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 10 นอต
    • ระวางขับน้ำ 86 ตัน
    • กำลังพลประจำเรือ 14 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนกล .30 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องจักรใหญ่ Deutz แบบ BF 8M จำนวน 1 เครื่อง
    • เครื่องไฟฟ้า Deutz จำนวน 2 เครื่อง

แหล่งอ้างอิง

  • กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ

เรือ อศ.2

⇑ กำลังทางเรือ

เรือ อศ.2 เป็นเรือคู่กับเรือ อศ.1 ซึ่งปลดระวางประจำการไปแล้ว เป็นเรือสำรวจสมุทรศาสตร์ตามชายฝั่งชุดแรก ที่ออกแบบสำหรับงานสำรวจสมุทรศาสตร์โดยเฉพาะ ซื้อมาจากสาธารณรัฐเยอรมนี


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 2
    • วางกระดูกงู พ.ศ. 2498
    • ขึ้นระวางประจำการ 2 ส.ค. 2498
    • ผู้สร้าง บริษัท อู่ เอฟ อาร์ ลือเซนเวอร์ฟ (Fr. Lürssen Werft GmbH & Co. KG) สาธารณรัฐเยอรมันนี
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 28 เมตร
    • ความกว้าง 5.30 เมตร
    • กินน้ำลึก 2.10 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 12 นอต
    • ระวางขับน้ำ 96 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,700 ไมล์

แหล่งอ้างอิง

  • https://www.facebook.com/ศาสตร์-แห่ง-อุทก-ประภาคารเกาะตะเภาน้อย-223111611160328/

เรือหลวงพฤหัสบดี

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

เรือหลวงพฤหัสบดี (H.T.M.S.PHARUEHATSABODI) เป็นเรือที่กองทัพเรือจัดสร้างขึ้นตามโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์สำหรับงานอุทกศาสตร์ และงานต่อต้านทุ่นระเบิด/ฝึก ระยะที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนเรือสำรวจขนาดเล็กที่ปลดระวางประจำการและเรือเก่าที่มีอายุใช้ราชการมานาน โดยจะใช้เป็นเรือสำรวจแผนที่ทะเลและสำรวจสมุทรศาสตร์ เพื่อรวบรวมข้อมูลสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ตลอดจนใช้เป็นเรือสนับสนุนงานต่อต้านทุ่นระเบิด เพื่อช่วยเสริมการปฏิบัติการทางเรือสาขาสงครามทุ่นระเบิดให้มีประสิทธิภาพ เรือหลวงพฤหัสบดี ต่อขึ้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์เอนจิเนียริ่ง ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัท Shelde Naval Ship Building ในเครือ Damen Shipyard Group ของเนเธอร์แลนด์ ก่อสร้างโดยใช้แบบของ Damen Shipyard ด้วยงบประมาณ 900 ล้านบาท ใช้เวลาสร้าง 940 วัน

ภารกิจของหน่วย

มีภารกิจและหน้าที่ในภาวะปกติเพื่อใช้ในการสำรวจแผนที่ทะเลและสำรวจสมุทรศาสตร์ เพื่อรวบรวมข้อมูลสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติการทางเรือ รวมทั้งใช้ในการสนับสนุนการฝึกตามประเภทเรือให้แก่นักเรียนหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกกองทัพเรือ สำหรับในสภาวะสงคราม ใช้ในการภารกิจสนับสนุน การต่อต้านทุ่นระเบิด เพื่อช่วยเสริมการปฏิบัติการทางเรือสาขาสงครามทุ่นระเบิดให้มีประสิทธิภาพ และยังสามารถใช้ในการสนับสนุนการกู้ภัยทางทะเล สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง สนับสนุนการขจัดคราบน้ำมันในทะเล และสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือของกองทัพเรือ


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 813
    • สัญญาณสากล HSNI
    • วางกระดูกงู 25 ส.ค. 2549
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 14 ก.พ. 2551
    • ขึ้นระวางประจำการ 21 ก.ค. 2551
    • ผู้สร้าง บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์เอนจิเนียริ่ง จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 66.33 เมตร
    • ความกว้าง 13.20 เมตร
    • กินน้ำลึก 3.10 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 12 นอต
    • ระวางขับน้ำสูงสุด 1,636 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,000 ไมล์ ที่ 10 นอต
    • ความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 5
    • ตัวเรือสร้างด้วย เหล็ก
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 15 วัน
    • กำลังพลประจำเรือ 73 นาย
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนใหญ่กล Rheinmetall ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนด้วย azimuth trusters ไม่มีหางเสือ
  • ระบบสนับสนุนอื่นๆ
    • ระบบ Hydrographic Data System 1 ชุด
    • ระบบหยั่งน้ำหลายลำคลื่น 1 ชุด
    • ระบบหยั่งน้ำลำคลื่นเดียว 1 ชุด
    • ระบบสำรวจ Side Scan Sonar System 1 เครื่อง
    • ระบบสำรวจ Ultra Short Base Line (USBL) System 1 เครื่อง
    • ระบบสำรวจ Motion and Reference System 1 เครื่อง
    • ระบบสำรวจ CTD units 2 เครื่อง

แหล่งอ้างอิง

  • กองวิจัยและพัฒนา ยก.ทร.
  • กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ
  • https://th.wikipedia.org/

เรือหลวงศุกร์

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

ในอดีต เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประภาสทางทะเล กองทัพเรือ ได้จัด เรือหลวงจันทร เป็นเรือหลวงพระที่นั่ง ซึ่งในขณะนั้นได้มีคณะนายทหาร ชั้นผู้ใหญ่ตามเสด็จหลายท่าน ทำให้การจัดที่พักรับรองไม่สามารถกระทำได้อย่างสมฐานะ เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านห้องพักรับรองมีจำนวนไม่พอ สมุหราชองครักษ์ในขณะนั้น จึงได้เสนอต่อทางกองทัพว่า กองทัพเรือควรจะมีเรือที่มีขนาดใหญ่กว่า ร.ล.จันทร จัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง เพื่อให้การเสด็จประภาสทางทะเลมีความสะดวกพอสมควร ซึ่งประกอบกับกรมอุทกศาสตร์ขณะนั้น มีความต้องการ เรือสำรวจสมุทรศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ในการสำรวจทางสมุทรศาสตร์เพื่อการทางทหารและทรัพยากรทางทะเล ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 3 กองทัพเรือพิจารณาเห็นชอบว่าควรดำเนินการ ตามที่กรมอุทกศาสตร์เสนอ แต่ให้เพิ่มขนาดเรือให้มีความใหญ่กว่าความต้องการนิดหน่อย เพื่อรองรับภารกิจด้านการรับรองการเสด็จประภาสทางทะเลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยใช้ชื่อว่า ร.ล.ศุกร์


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 812
    • วางกระดูกงู 30 พ.ย. 2520
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 8 ก.ย. 2524
    • ขึ้นระวางประจำการ 3 มี.ค. 2525
    • ผู้สร้าง บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 62.90 เมตร
    • ความกว้าง 11.50 เมตร
    • กินน้ำลึก 4.00 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 15 นอต
    • ระวางขับน้ำ 1,526 ตัน
    • ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 15 วัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 5,000 ไมล์ ที่ 12 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนกล ขนาด 20 มม. แท่นเดี่ยว 2 แท่น
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง
    • ใบจักร 2 พวง
  • ระบบสนับสนุนอื่นๆ
    • เรือเล็ก 3 ลำ

แหล่งอ้างอิง

  • กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ

เรือหลวงจันทร

⇑ กำลังทางเรือ

ความเป็นมาของโครงการ

กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือได้เริ่มสำรวจแผนที่ทะเลมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2455 แต่เนื่องจากขาดพาหนะที่ทันสมัยสำหรับใช้ในการสำรวจโดยเฉพาะ ทำให้การสำรวจในช่วงแรกๆ มีข้อขัดข้องในการดำเนินการอยู่บ้าง กรมอุทกศาสตร์ได้ใช้ความพยายามในการจัดหาเรือสำรวจแผนที่ตลอดมา จนกระทั่งประมาณเดือน ต.ค. 2497 บริษัท ซี เมลเซอร์ (C.Melcher Company) ได้เสนอสร้างเรือสำรวจแผนที่ขนาด 800 ตัน พร้อมด้วยอุปกรณ์ทัยสมัยต่อกองทัพเรือในราคา 1,265,000 เหรียญสหรัฐ กองทัพเรือเห็นความจำเป็นของกรมอุทกศาสตร์ ที่ควรมีเรือสำรวจแผนที่ จึงได้รายงานขออนุมัติซื้อไปยังกระทรวงกลาโหมและคณะรัฐมนตรีโดยลำดับ ซึ่งเมื่อได้พิจารณาในที่สุด คณะรัฐมนตรีได้มีอนุมัติเมื่อ 5 ส.ค.2499 ให้กองทัพเรือจัดหาเรือสำรวจแผนที่ตามที่ได้เสนอมา เมื่อปี พ.ศ.2500 กองทัพเรือจึงได้ทำสัญญาสั่งต่อเรือสำรวจแผนที่กับบริษัท ซี เมลเซอร์ ซึ่งดำเนินการออกแบบ และสร้างโดย บริษัทอู่ต่อเรือ ลือเซ่น (FR.Luersen) เมืองเบรเมน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน


คุณลักษณะของเรือ

  • ทั่วไป
    • หมายเลข 811
    • วางกระดูกงู 27 ก.ย. 2503
    • ปล่อยเรือลงน้ำ 7 ธ.ค. 2503
    • ขึ้นระวางประจำการ 30 พ.ค. 2504
    • ผู้สร้าง บริษัท อู่ต่อเรือ ลือเซ่น (FR.Luersen)สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
  • คุณลักษณะทั่วไป
    • ความยาวตลอดลำ 69.85 เมตร
    • ความกว้าง 10.50 เมตร
    • กินน้ำลึก 3.00 เมตร
    • ความเร็วสูงสุด 13 นอต
    • ระวางขับน้ำ 966 ตัน
    • ระยะปฏิบัติการไกลสุด 10,000 ไมล์ ที่ 10 นอต
  • ระบบอาวุธ
    • ปืนกล 40 มม. จำนวน 2 กระบอก
    • ปืนกล 20 มม. จำนวน 1 กระบอก
    • ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก
  • ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย
    • เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง
  • ระบบสนับสนุนอื่นๆ
    • เรดาร์เดินเรือ
    • ระบบหยั่งน้ำด้วยเสียงสะท้อน 4 เครื่อง
    • เรือยนต์สำรวจ ติดตั้งเครื่องหยั่งน้ำด้วยเสียงสะท้อน จำนวน 4 ลำ

แหล่งอ้างอิง

  • กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ

Copyright © 2025 Seafarer Library

Theme by Anders NorenUp ↑